JTC ไทย-เวียดนาม ดันยอดการค้า 2.5 หมื่นล้านเหรียญในปี’68

JTC ไทย-เวียดนาม

จุรินทร์เผยหลังประชุม JTC ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 เห็นร่วมตั้งเป้าปี 2568 เพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมขอให้เวียดนาม อนุญาตนำเข้า 3 รายการสินค้าไทย เนื้อไก่ เงาะ มะม่วง หลังระงับไปนาน

วันที่ 20 เมษายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 กับนายเหวียน ห่ง เซียน (H.E. Mr. Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ของประเทศเวียดนาม ว่า

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ในการประชุมครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าตั้งเป้าปี 2568 จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีที่ผ่านมามีแล้วมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเป็นห่วงกับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยจากปัจจัยนี้กระทบการค้าทั่วโลก ดังนั้น ไม่ใช่แค่ไทยและเวียดนามที่ต้องจับมือกัน แต่รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาและผลักดันการค้ากันต่อไป

นอกจากนี้ ในการประชุมไทยได้เสนอขอความสนับสนุนจากเวียดนามในหลายประเด็น เพื่อลดปัญหาอุปสรรคในการส่งออกสินค้าโดยเฉพาะผลไม้ของไทยที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดในเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ อีกทั้ง ต้องการให้เวียดนามช่วยพิจารณานำเข้า 3 รายการ สินค้าไทย

ได้แก่ เนื้อไก่ เงาะ มะม่วง ซึ่งระงับการนำเข้าตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางเวียดนามพร้อมรับข้อเสนอและจะนำไปหารือและแก้ไขต่อไป ขณะเดียวกัน ในการประชุมครั้งนี้ ยังได้มีการจัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและเวียดนาม

“กิจกรรมนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดขึ้นคู่ขนานไปกับการประชุม โดยมีคู่เจรจา 47 คู่ จากผู้นำเข้า 12 ราย ผู้ส่งออก 31 ราย คาดมูลค่าซื้อขาย 30 ล้านบาท โดยสินค้าไทยที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ อาหารและผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม ของขบเคี้ยว ซอสปรุงรส เครื่องสำอาง สปา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แชมพู ของเล่นเด็ก และ น้ำมันเครื่อง เป็นต้น

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ กรมจะมีการจัดงานแสดงสินค้า Mini Thailand Week 2022 ที่เวียดนาม จำนวน 2 ครั้ง โดยจัดที่นครเกิ่นเทอ วันที่ 20-22 พฤษภาคม 2565 และเมืองกว่างนิงห์ วันที่ 16-19 มิถุนายน 2565 คาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าอีกไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทนี้ด้วย”

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ในประเด็นรายละเอียดในข้อเสนอที่ไทยต้องการให้เวียดนามช่วยแก้ไขและลดอุปสรรคด้านการค้า-ส่งออก การลงทุน โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปจีน เช่น 1.ขอให้ทางการเวียดนามช่วยเจรจากับรัฐบาลจีนในฐานะประเทศที่มีชายแดนติดกัน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งผลไม้ไทยผ่านด่านเวียดนามไปจีน

เช่น ด่านโหย่วอี้กวานของจีน ที่อยู่ตรงข้ามกับด่านหวูหงิของเวียดนาม ปัจจุบันเปิดทำการตั้งแต่ 08.00-19.00 น. ขอให้เวียดนามช่วยเจรจากับจีนให้เปิดเป็น 24 ชั่วโมง ด่านรถไฟผิงเสียงกับด่านรถไฟด่งดังของเวียดนาม เปิดทำการ 08.30-18.00 น. ขอให้ขยายเป็น 24 ชั่วโมง และด่านตงซิงของจีนกับด่านหม่องก๋ายของเวียดนาม ซึ่งขณะนี้ปิดทำการขอให้ทางเวียดนามช่วยเจรจาอีกครั้งให้เปิดด่านต่อไป และขอให้เวียดนามและจีนช่วยเพิ่มช่องทางกรีนเลน (Green Lane) อำนวยความสะดวกส่งสินค้าไทย ที่ผ่านกระบวนการปลอดโควิดตามมาตรฐานเข้าจีนให้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ ขอให้ช่วยเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น ท่านรัฐมนตรีเวียดนามแจ้งว่าเวียดนามยินดีที่จะส่งเสริมกรีนเลนให้กับฝ่ายไทย แต่การเจรจากับจีนต้องหารือกันต่อไป เพราะเป็นนโยบายซีโร่โควิดของจีน และตนได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับด่านของจีนแล้ว ขอโอกาสในการหารือเพราะผลไม้ไทยกำลังเริ่มออกในเดือนพฤษภาคมนี้

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนข้อเสนออื่น เช่น การส่งออกยาของไทยไปเวียดนาม ซึ่งได้มีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อตกลงอาเซียน จึงขอให้ทางเวียดนามช่วยปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อตกลงอาเซียน ยกเลิกเอกสาร มาตรการที่เกินข้อตกลง ท่านรัฐมนตรีจะเข้าไปปรับปรุงแก้ไขให้ต่อไป ขอให้ทางเวียดนามช่วยประชาสัมพันธ์การจัดงานแสดงสินค้าไทยในเวียดนาม

โดยเฉพาะงาน Mini Thailand Week ที่จะจัดขึ้นกลางปีนี้ ที่นครเกิ่นเทอและเมืองกว่างนิงห์ ขอให้เวียดนามสนับสนุนให้ไทยใช้แพลตฟอร์มของเวียดนามเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Shopee Lazada เวียดนาม TIKKI และ Sendo และไทยจะสนับสนุนให้สินค้าเวียดนามเข้ามาขายในแพลตฟอร์มไทยด้วยเช่นเดียวกัน

ขอให้เวียดนามสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานสะอาดของนักลงทุนไทยในเวียดนาม เร่งเปิดการประชุมร่วมในการส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อเพิ่มการลงทุนระหว่างกันโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นควรดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 เป็นอย่างช้าในปีนี้ นอกจากนี้ ประเด็นแรงงาน ขอให้เวียดนามสนับสนุนแรงงานเพิ่มเติมจากปัจจุบัน ประมงกับก่อสร้าง ขอให้เพิ่มอีก 2 สาขาคือ แม่บ้านและผู้ใช้แรงงาน ขอให้เวียดนามเร่งขึ้นทะเบียนจีไอ สำหรับลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูนของไทยที่ไปขอขึ้นทะเบียนไว้

นอกจากนี้ ทางเวียดนามยังได้ขอให้ไทย เนื่องจากเวียดนามการขาดดุลการค้ากับไทย ซึ่งไทยพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนงานต่าง ๆ ที่เวียดนามจะมาจัดในไทย เวียดนามขอให้ไทยเร่งออกใบอนุญาตนำเข้าผลไม้ 5 ชนิด คือ ส้มโอน้อยหน่า เสาวรส ลูกน้ำนมและเงาะ ไทยเสนอให้เวียดนามใช้ช่องทาง MOU ที่ทำกับกระทรวงเกษตรฯของไทยเป็นเวทีหารือต่อไป

ขอให้ท่าเรือไทยลดขั้นตอนการตรวจสินค้า รวมทั้งช่วยตรวจเอกสารให้เร็วขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม รับเรื่องนี้ไปปรับปรุงอำนวยความสะดวกให้และขอให้ทางไทยร่วมสนับสนุนจัดงานแสดงสินค้าของเวียดนามในประเทศไทยในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไทยยินดีสนับสนุน

รายงานจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ในปี 2564 เวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของไทยในอาเซียน และอันดับที่ 6 ของไทยในโลก (รองจากจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ สหภาพยุโรป และมาเลเซีย)

การค้าไทย-เวียดนามมีมูลค่า 19,477.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 17.3% เป็นการส่งออกของไทยไปเวียดนาม 12,538.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 12.3% และเป็นการนำเข้าจากเวียดนาม 6,939.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 27.6% โดยไทยเกินดุลการค้า 5,599.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเวียดนาม รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัว 39.3% เม็ดพลาสติก ขยายตัว 44.6% น้ำมันสาเร็จรูป ขยายตัว 62.3% เคมีภัณฑ์ ขยายตัว 37.7% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัว 12.7%

สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากเวียดนาม เครื่องใช้ไฟฟ้า ขยายตัว 32.1% น้ำมันดิบ ขยายตัว 68.1% เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัว 15.5% เหล็กและผลิตภัณฑ์ ขยายตัว 11.0% เคมีภัณฑ์ ขยายตัว 35.9%

สินค้าที่ไทยนำเข้าจากเวียดนามที่ขยายตัวสูงส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัตถุดิบ เช่น น้ำมันดิบ ขยายตัว 68.1% เคมีภัณฑ์ ขยายตัว 35.9% สินแร่โลหะ ขยายตัว 134.8% ซึ่งเป็นการนำเข้ามาเพื่อสนับสนุนภาคการผลิตของไทย