กำลังซื้อฝืดธุรกิจกำไรวูบ “เทสโก้” ปิดเร็วดิ้นลดต้นทุน-

ปัญหากำลังซื้อซึมลึก บริษัทค้าปลีก-สินค้าอุปโภคบริโภคกำไรทรุดถ้วนหน้า ทั้ง “ไอซีซี-มาม่า-ฟาร์มเฮ้าส์-ชาเขียว-สาหร่ายเถ้าแก่น้อย” กดดันตลาดแข่งขันรุนแรง ต้องทุ่มงบฯอัดโปรโมชั่นดันต้นทุนพุ่ง “เทสโก้ โลตัส” คุมเข้มต้นทุนค่าไฟ-ค่าแรง เริ่มมีนาคมนี้ลดเวลาเปิดให้บริการ ขณะที่ธุรกิจของกลุ่ม ซี.พี.-เจ้าสัวเจริญยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้ง “ซีพี ออลล์-แม็คโคร-บีเจซี” กำไรพุ่งกระฉูด บจ.แจ้งผลประกอบการปี’60 เผย 204 บริษัทมีกำไรลดลง

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2560 ที่ผ่านมาด้วยอัตรา 3.9% เรียกว่าอยู่ในทิศทางขาขึ้น และจากบทวิเคราะห์ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ระบุว่า จากที่ บจ.แจ้งงบการเงิน ณ 28 ก.พ. 2560 มีจำนวน 531 บริษัท คิดเป็น 98% ของมาร์เก็ตแคป มีกำไรสุทธิรวม 9.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากปีก่อนอยู่ที่ 8.71 แสนล้านบาท แต่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลผลประกอบการจำนวน 531 บริษัท พบว่ามีจำนวน 204 บริษัทที่มีกำไรลดลง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีจำนวน 186 บริษัท และมีจำนวน 32 บริษัทที่ผลดำเนินการขาดทุน

ธุรกิจ 2 เจ้าสัวโตสวนตลาด

นอกจากนี้ บจ.ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก พบว่าผลประกอบการออกมาส่วนใหญ่มีรายได้และกำไรสุทธิลดลงยกแผง สวนทางกับกลุ่มธุรกิจใหญ่อย่าง บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และ บมจ.สยามแม็คโคร ในเครือ ซี.พี.ที่ผลประกอบการยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยซีพี ออลล์ มีกำไรสุทธิ 19,907.70 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 16,676.51 ล้านบาท ขณะที่สยามแม็คโครมีกำไรสุทธิ 6,178.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 อยู่ที่ 5,412.52 ล้านบาท

รวมทั้ง บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือบีเจซี ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ก็มีผลประกอบการเติบโตอย่างน่าสนใจ ด้วยตัวเลขรายได้ 164,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,600 ล้านบาทหรือ 13.3% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 5,210.75 ล้านบาท จากปีก่อน 3,306.65 ล้านบาท โดยเรียกได้ว่าในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีกมีเพียงธุรกิจเครือ ซี.พี.ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ และกลุ่มของเจ้าสัวเจริญเท่านั้นที่สามารถเติบโตและกำไรเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ระบุว่า ปี 2560 ที่ผ่านมาบิ๊กซีเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไร และมองว่าเศรษฐกิจก็กำลังฟื้นตัวและเติบโตได้ เห็นได้จากการจับจ่ายใช้สอยในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาที่มีทิศทางที่ดี และจากนี้ไป บิ๊กซีจะเน้นการปรับรูปแบบกิจกรรมจากการทำโปรโมชั่นทั่วไป มาจัดเป็นธีมงานที่อิงเทศกาลหรือกิจกรรมพิเศษเข้ามาให้มีความน่าสนใจทุกเดือน

“ตอนนี้ลูกค้าไม่ตื่นเต้นกับโปรโมชั่นราคาแบบเดิม ๆ แล้ว เราก็ต้องพยายามหาลูกเล่นใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เช่น สมาชิกบิ๊กการ์ดสามารถนำแต้มมาใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าได้ทันที ไม่ต้องรอมาใช้ครั้งต่อไป” นายอัศวินกล่าว

ICC-มาม่า-ฟาร์มเฮาส์ กำไรร่วง

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการ บมจ.ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นครบวงจร แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมามีรายได้ 12,446.98 ล้านบาท ลดลง 1.33% รวมถึงกำไรสุทธิที่ลดลงกว่า 10% ลงมาอยู่ที่ 846 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น จึงต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มมากขึ้น

เช่นเดียวกับ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” รวมถึงวัตถุดิบแป้งสาลีแจ้งว่า ยอดขายปี 2560 อยู่ที่ 21,630.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 487.27 ล้านบาท หรือ 2.3% แต่ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากตลาดต่างประเทศ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 5.19% เป็นผลมาจากค่าตอบแทนพนักงานทั้งเงินเดือน ค่าล่วงเวลา เบี้ยเลี้ยงที่สูงขึ้นตามจำนวนพนักงาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการควบรวมกิจการทำให้กำไรของบริษัทลดลงเล็กน้อย

รวมทั้งในส่วนของ บมจ.เพรซิเดนท์เบเกอรี (PB) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปังฟาร์มเฮาส์ ก็มีรายได้ 7,519.29 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1.59% ขณะที่กำไรสุทธิปี 2560 ลดลง 8.71% ลงมาอยู่ที่ 1,335.54 ล้านบาท เป็นผลจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากที่มีคู่แข่งมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางร้านสะดวกซื้ออย่างร้านเซเว่นฯที่มีการออกสินค้าเฮาส์แบรนด์ออกมาแย่งส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งมีคู่แข่งเปิดธุรกิจเบเกอรี่มาแข่งขันในช่องทางค้าส่งมากขึ้น

นอกจากนี้ยังพบสัญญาณลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีลูกหนี้บางรายชำระหนี้ล่าช้าเกินกำหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ลูกหนี้การค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นโมเดิร์นเทรด และร้านค้าขนาดใหญ่ซึ่งมีการชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลา

เศรษฐกิจชะลอ-ต้นทุนพุ่ง

นายธนวัฒน์ วิญญรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยเทพรส หรือ SAUCE ผู้ผลิตและจำหน่ายซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรมตรา “ภูเขาทอง” แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 345.37 ล้านบาท ลดลงจากปี 2559 ราว 16.78% เป็นผลจากเศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาส 4/2560 ส่งผลให้ยอดขายในประเทศลดลง โดยเฉพาะช่องทางจัดจำหน่ายค้าส่ง (ยี่ปั๊ว) ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้น จากการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้กำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนหน้า

ขณะที่ บมจ.มาลีกรุ๊ป ผู้ผลิตน้ำผลไม้ตรา “มาลี” ปี 2560 บริษัทมียอดขายรวม 5,916 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะยอดขายของแบรนด์ในประเทศลดลง 15% ผลจากฤดูกาลผลไม้ที่ล่าช้าในช่วงไตรมาส 2 ทำให้สินค้าไม่เพียงพอสำหรับจำหน่ายในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึงยอดขายน้ำผลไม้ลดลงประมาณ 10% ตามภาวะการหดตัวของตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มในประเทศ และในปีที่ผ่านมาบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 13% เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิปีที่ผ่านอยู่ที่ 286 ล้านบาท ลดลง 46%

นอกจากนี้ บมจ.เอฟเอ็น แฟคตอรี่เอ๊าท์เลท หรือ FN แจ้งว่า รายได้ปี 2560 อยู่ที่ 1,054.66 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 1,063 ล้านบาท แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 2 สาขา คือสาขาหาดใหญ่ สาขาฉะเชิงเทรา และกำไรสุทธิปรับลดลงถึง 41% โดยบริษัทระบุว่า รายได้การขายที่ลดลงสาเหตุหลักมาจากยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง เพราะการจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งบริษัทมีแผนการปรับตัวด้วยการขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มเติม เช่น ช่องทางออนไลน์ ทีวีโฮมช้อปปิ้ง เข้าร่วมงานแสดงสินค้าและการขายแบบบีทูบี เป็นต้น

“ชาเขียว-สาหร่าย” ก็เอาไม่อยู่

ขณะที่นางอิง ภาสกรนที รองกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายชาเขียว “อิชิตัน” ระบุว่า รายได้จากการขายปีที่ผ่านมา 5,678.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.55% เนื่องจากตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่ตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศมูลค่าลดลง ประกอบกับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันด้านราคา ทำให้ปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 315.09 ล้านบาท

รวมทั้งในส่วนของ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง พบว่ากำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 608 ล้านบาท ลดลง 22.2% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากต้นทุนสาหร่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการนำเข้าสาหร่าย

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่น-เครื่องดื่มชาเขียว “โออิชิ” ยอมรับว่า ตัวเลขยอดขายเครื่องดื่ม-ร้านอาหารที่ลดลงเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย ทำให้บริษัทต้องหันมาเน้นการบริหารต้นทุนภายในมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามสร้างรายได้จากธุรกิจอื่นเข้ามาทดแทน ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทานหรือแพ็กเกจฟู้ด ที่ตลาดยังมีโอกาสจะเติบโตได้อีกมาก

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจปีที่ผ่านมาจะดีขึ้น แต่จะพบว่ามีเพียงบางธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะส่งออก และยังมีอีกหลายส่วนที่ไม่ดี เช่น พืชผลทางการเกษตรที่ราคาไม่ดี ซึ่งก็จะส่งผลถึงกำลังซื้อในต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม คอนซูเมอร์โปรดักต์เป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันจึงจะได้รับผลกระทบตัวท้าย ๆ แต่กลุ่มสินค้าเหล่านี้ได้รับผลกระทบก็สะท้อนถึงว่ากำลังซื้อไม่ดีจริง ๆ

“เทสโก้” ลดเวลาเปิดให้บริการ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า นอกจากนี้พบว่าในส่วนของ “เทสโก้ โลตัส” ที่เป็นโมเดลไฮเปอร์มาร์เก็ต และตลาดโลตัสหลาย ๆ แห่งได้ประกาศแจ้งปรับเปลี่ยนเวลาการเปิด-ปิดการให้บริการ โดยลดเวลาการให้บริการลงเฉลี่ย 1-2 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา อาทิ ตลาดโลตัสย่านลำลูกกา เปิด 08.00-21.00 น. จากเดิม 07.00-21.00 น. ตลาดโลตัส บางบัวทอง เปิด 08.00-21.00 น. จากเดิม 06.00-22.00 น.เทสโก้ โลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต ย่านปิ่นเกล้า เปิด 08.00-21.00 น. จากเดิม 08.00-23.00 น.

รายงานข่าวระบุว่า การปรับลดเวลาการเปิดให้บริการดังกล่าวเพราะการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าในช่วงเช้าน้อยมาก รวมถึงในช่วงหลังสองทุ่ม ดังนั้นการปรับลดเวลาการเปิดให้บริการซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องค่าไฟ หรือค่าจ้างพนักงาน ขณะเดียวกันก็จะกระทบต่อยอดขายไม่มาก

โดยพนักงานเทสโก้ โลตัส ให้ข้อมูลว่า การลดเวลาเปิดให้บริการดังกล่าวเพื่อให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะในช่วงเวลาหลัง 20.00 น.เป็นต้นไป มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการน้อย ซึ่งบรรยากาศดังกล่าวเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนเวลาเปิดให้บริการเป็นบางพื้นที่ และบางส่วนยังเปิดให้บริการตามปกติ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ “เทสโก้ โลตัส” ได้แจ้งผลการดำเนินงานประจำปี 2560 (มี.ค. 59-ก.พ. 60) มีรายได้จากการขายและบริการ 2.15 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2.05 แสนล้านบาท และมีกำไร 9.11 พันล้านบาท เพิ่มจากปี 2559 ที่มีกำไร 8.32 พันล้านบาท

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้