
ตลาดหนังเอเชียโตพุ่ง โซนี่ พิคเจอร์ส ตั้งค่ายหนังใหม่ในเอเชีย ”ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย” รับดีมานด์ตลาด ขณะที่โซนี่ ไทย เดินหน้าเต็มที่ เตรียมส่งหนังใหม่เข้าโรงครึ่งปีหลังอีก 9 เรื่อง คาดปีนี้ปิดรายได้ 800 ล้านบาท
นายรชต ธีระบุตร กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มการขยายตัวธุรกิจภาพยนตร์ในตลาดเอเชียที่เติบโตขึ้น และกลายเป็นตลาดหลักของค่ายหนังฮอลลีวูดหลาย ๆ ค่าย ดังนั้น โซนี่ พิคเจอร์ส สตูดิโอ มีนโยบายแต่งตั้งค่ายหนังใหม่ 3 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย
“จากเดิมบริษัทโซนี่ในไทยได้ร่วมทุนกับวอลท์ดิสนีย์สตูดิโอ ตั้งบริษัทร่วมทุนในไทยเพื่อจัดหน่ายภาพยนตร์ร่วมกันมากว่า 20 ปี ซึ่งการแยกทางกันครั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสทางการเติบโตของแต่ละบริษัท เนื่องจากแต่ละค่ายก็มีหนังเข้าฉายจำนวนมาก แต่การแยกทางกันครั้งนี้ก็อาจจะทำให้อำนาจการต่อรองกับโรงภาพยนตร์ลดลง แต่ก็ได้โอกาสใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นด้วย”
เบื้องต้นบริษัทจะโฟกัสที่ธุรกิจนำภาพยนตร์จากต่างประเทศเข้ามาฉายในไทย ปีนี้มีหนังเข้าฉายรวม 18 เรื่อง และครึ่งปีหลังนี้จะมีภาพยนตร์เข้าฉายอีก 9 เรื่อง โดยภาพยนตร์ไฮไลต์ เช่น Baby Driver, Blade Runner 2049 เป็นต้น ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 800 ล้านบาท
ส่วนปี 2561 จะมีภาพยนตร์เข้าฉายอีก 17 เรื่อง ขณะที่อนาคตเตรียมต่อยอดสู่การขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของโซนี่ โดยจะตั้งแผนกใหม่ขึ้น แต่ยังอยู่ภายใต้โซนี่ไทย
สำหรับภาพรวมธุรกิจภาพยนตร์ในไทยปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 4,600 ล้านบาท เติบโต 1-2% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ภาพยนตร์ต่างประเทศ 3,690 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 82% ตามด้วย ภาพยนตร์ไทย 558 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 13% และภาพยนตร์จากประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น 259 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 5%
“ตลาดภาพยนตร์ในไทยยังมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันตลาดถูกจำกัดอยู่แค่กรุงเทพฯและเชียงใหม่เท่านั้น หากขยายตลาดออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ตัวเลขของอุตสาหกรรมนี้ก็จะโตขึ้น ซึ่งปัจจุบันโรงหนังเองก็พยายามขยายสาขาไปต่างจังหวัดมากขึ้นเช่นกัน อนาคตอุตฯนี้คงมีโอกาสที่ดี”