สวัสดิการชุมชน “บ้านกลาง”-

คอลัมน์ ตามรอยฟ้า

ประเทศไทยมีคนหลายสิบล้านคนที่เข้าไม่ถึงสวัสดิการภาครัฐในปัจจุบัน ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษตรกร และแรงงานนอกระบบ ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดกองทุนสวัสดิการชุมชนขึ้นในหลายพื้นที่ เพราะเป็นแนวทางการรวมกลุ่มที่ทำให้คนในชุมชนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และได้รับประโยชน์ร่วมกัน อันเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดชุมชนเข้มแข็ง

ซึ่งเหมือนกับ กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบ้านกลาง อ.สอง จ.แพร่ ที่มี “นวลฉวี คำฝั้น” ประธานกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบ้านกลาง มาบอกเล่าให้ฟังถึงการบริหารจัดการชุมชนให้ฟังว่า บ้านกลางเป็นชุมชนที่มีการจัดสวัสดิการแก่คนในชุมชนตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะมีเหตุผลว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเงินไปซื้อประกันชีวิตจากบริษัทต่าง ๆ และไม่ได้มีอาชีพที่จะได้รับสวัสดิการจากหน่วยงานใด ถึงแม้เงินช่วยเหลือจากกองทุนสวัสดิการชุมชนจะเป็นเงินไม่มาก แต่ยังช่วยบรรเทาความทุกข์ยากได้

“นอกจากสมาชิกกองทุนจะได้รับผลประโยชน์ในเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เรายังมีการจัดสวัสดิการดูแลชุมชนในทุกด้าน เช่น ด้านอาชีพ แหล่งน้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร ที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกิน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ”

แต่กระนั้น เมื่อย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบ้านกลาง “นวลฉวี” บอกว่า เป็นการรวมตัวกันเพื่อรักษาทรัพยากรในป่าชุมชนบ้านเหล่าเหนือ ต.บ้านกลาง อ.สอง จ.แพร่ ต่อจากนั้นถึงจะเชื่อมโยงไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องอื่น ๆ

“กว่าจะชักชวนชาวบ้านมาร่วมกองทุนสวัสดิการได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะชาวบ้านขาดความเข้าใจ และกลัวว่าจะโดนหลอก เราจึงต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน เพราะนอกจากกองทุนสวัสดิการชุมชนจะเป็นองค์กรเกี่ยวกับการเงินแล้ว

ยังต้องเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ที่สำคัญ เราจัดตั้งให้มีสภาชุมชน ที่เป็นการรวมตัวของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นหลักประกันความเชื่อมั่นให้แก่ชาวบ้าน ทั้งยังเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชน โดยมีกองทุนสวัสดิการชุมชนเป็นเครื่องมือ”

ทั้งนี้ กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบ้านกลางยังร่วมกับสภาองค์กรชุมชนตำบลบ้านกลาง กำหนดทิศทางพัฒนาตำบลบ้านกลางใน 4 ประเด็น คือ

หนึ่ง พัฒนาระบบกองทุนสวัสดิการชุมชน

สอง ส่งเสริมภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน

สาม สนับสนุนเกษตรยั่งยืนวิถีพอเพียง

สี่ แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย

“ถึงตอนนี้กองทุนมีชาวบ้านเข้ามาเป็นสมาชิกประมาณ 1,500 คน มีเงินกองทุนรวมทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาท และด้วยระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส มีกรรมการชาวบ้านตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงทำให้กองทุนมีความเข้มแข็งมากขึ้น”

“นวลฉวี” กล่าวในตอนท้ายว่า กองทุนสวัสดิการชุมชนของเรายึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งส่งเสริมให้สมาชิกเข้าใจ เข้าถึงคุณค่า และอุดมการณ์ของสวัสดิการชุมชน จนนำมาปฏิบัติในการพัฒนาชีวิตของตนเอง

“นอกจากนั้น เรายังยึดหลักความพอประมาณในการดำเนินงาน ความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยคำนึงถึงความรู้ คุณธรรม และความหลากหลายของชุมชนด้วย เพราะถ้าจะรอให้ภาครัฐ หรือภาคเอกชน เข้ามาช่วยเหลืออย่างเดียว คงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ชุมชนต้องสามารถพึ่งพาตนเองได้ อันนำไปสู่การเกิดสังคมดี คนมีความสุข”


นับว่าระบบสวัสดิการชุมชนช่วยสร้างความเข้มแข็งของสังคมจากฐานราก ชุมชนมีความรัก