หุ้น-การเงิน

โกลเบล็ก แนะซื้อ 5 หุ้นเด่นอานิสงส์คนละครึ่งเฟส 5

เงินบาท-ตลาดหุ้นไทย

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังผันผวน เหตุกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเพิ่ม 0.75% เป็นครั้งที่ 3 มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,650 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน 9 หุ้นเด่น รับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งเฟส 5

วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนวิตกกังวลว่า เฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือน ก.ย.นี้ ประกอบกับติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการ ขั้นต้นเดือน ส.ค. และตัวเลข PCE ในสัปดาห์นี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,650 จุด

อีกทั้งปัจจัยด้านสภาพอากาศของจีนที่รุนแรงมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของจีนได้หลังจากหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารฮั่งเส็งเปิดเผยว่าขณะนี้ จีนกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวลงและหลายตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจสะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้าโดยเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

ส่วนปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องจับตาในขณะนี้ อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ การจัดงาน “Thailand Focus 2022 ในหัวข้อ THE NEW HOPE” และสัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า

สำหรับปัจจัยต่างประเทศ อาทิ ทางอียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน ส.ค. นอกจากนี้ สหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือน ก.ค. สหรัฐ รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน ก.ค. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์

รวมทั้งการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง หัวข้อ “Reassessing Constraints on the Economy and Policy” คาด FED จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT)

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ได้แก่ TNP, KK, BJC, MAKRO, CBG, OSP, TKN, ICHI และ SAPPE