ตลท. แถลงด่วน (14 พ.ย.) แก้ปัญหาหุ้น MORE หลังราคาร่วงติดฟลอร์

หุ้น MORE

แถลงแนวทางแก้ปัญหาหุ้น MORE หลังราคาร่วงติดฟลอร์ 2 วันติด ฟากบริษัทแจงไม่มีพัฒนาการสำคัญ เปิดโฉมผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับ “อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ” ถือหุ้นนเบอร์ 1 สัดส่วน 23.69%

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมรับฟังการแถลงข่าวด่วน เกี่ยวกับ “แนวทางการแก้ไขปัญหากรณีการซื้อขายหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ในวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมเสรี จินตนเสรี ชั้น 7 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือรับฟังทางออนไลน์ผ่านระบบ Microsoft Teams นำทีมโดย นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อขายหุ้น MORE เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 สภาพการซื้อขายมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ โดยเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท จากนั้นราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนราคาต่ำสุด (Floor) ที่ราคา 1.95 บาท โดยตลอดทั้งวันมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 7,142 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด (SET และ mai)

ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สอบถามพัฒนาการที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย โดย MORE ได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงก่อนเปิดการซื้อขายภาคบ่ายว่าไม่มีพัฒนาการสำคัญใด ๆ อย่างไรก็ตาม เช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ราคาลดลงต่อเนื่อง เปิดตลาดที่ราคา Floor ที่ 1.37 บาท และปิดตลาดภาคเช้าที่ราคาดังกล่าว

หากราคามีความผันผวน ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงในการซื้อขายได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศที่แจ้งผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และขอให้บริษัทสมาชิกกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ MORE อย่างใกล้ชิดและเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

โดยราคาหุ้น MORE ช่วงวันที่ 10 พฤศจิกายน ปิดตลาดภาคเย็นที่ 1.95 บาท ลดลง 0.83 บาท หรือ -29.85% จากราคาปิดวันก่อนหน้า และช่วงวันที่ 11 พฤศจิกายน ปิดตลาดภาคเย็นที่ 1.37 บาท ลดลง 0.58 บาท หรือ -29.74% จากราคาปิดวันก่อนหน้า

ปัจจุบันหุ้น MORE ถูกขึ้นเครื่องหมายกำกับการซื้อขายระดับ 3 ซึ่งหมายถึง ให้ซื้อด้วยการวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ และห้ามนำหลักทรัพย์ที่กำหนดมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย และห้าม Net settlement และห้ามซื้อขายชั่วคราว 1 วันทำการ (โดยมาตรการการกำกับการซื้อขายแต่ละระดับ มีระยะเวลาเริ่มต้นจนถึงระยะเวลาสิ้นสุดครั้งละ 3 สัปดาห์)

สำหรับ MORE ประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัท สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักได้แก่

1) ธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน (energy saving) และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานทดแทน (renewable energy) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท และบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท พี เพาเวอร์ แพลนท์ จำกัด และบริษัท อีเอสพี รี-ไล้ฟ์ แบตเตอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด

2) ธุรกิจวางระบบน้ำประปาเพื่อบริหารจัดการน้ำประปาบนเกาะเสม็ด ซึ่งดำเนินการและบริหารจัดการโดยบริษัทย่อยคือ บริษัท เสม็ด ยูทิลิตี้ส์ จำกัด

3) ธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการโดยบริษัทย่อยคือ บริษัท มอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (ชื่อเดิม คือ บริษัท ดีเอ็นเอ เรฟโวลูชั่น จำกัด)

โดยภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3,754 ราย คิดเป็นการถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 96.47% โดนผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 16 มีนาคม 2565 มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) 6,039 ราย คิดเป็นการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย 42.72%

ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 ลำดับแรกคือ

1.นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ 1,547 ล้านหุ้น สัดส่วน 23.69%

2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 886 ล้านหุ้น สัดส่วน 13.57%

3.นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล 742 ล้านหุ้น สัดส่วน 11.37%

4.นายอภิมุข บำรุงวงศ์ 586 ล้านหุ้น สัดส่วน 8.98%

5.นายวสันต์ จาวลา 431 ล้านหุ้น สัดส่วน 6.61%

6.นาย สามารถ ฉั่วศิราพัฒนา 279 ล้านหุ้น สัดส่วน 4.27%

7.UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED จำนวน 193 ล้านหุ้น สัดส่วย 2.97%

8.นางสาวอรเก้า ไกยสิทธิ์ 136 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.08%

9.นาย เอกภัทร พรประภา 122 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.87% และ

10.น.ส.จิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ 85.13 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.30%