ทิศทางราคาทองคำกลับเป็นขาขึ้น

ราคาทองคำ
คอลัมน์ : สถานีลงทุน
ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์, ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ราคาทองคำ spot ในเดือนพฤศจิกายนปรับลดลงหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นผลจากการแถลงของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณยังไม่ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขัดแย้งกับการแถลงการณ์ของเฟด ทำให้ราคาทองคำปรับลงอย่างแรง

ซึ่งประธานเฟดมีการแถลงว่า ภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และข้อมูลที่เฟดได้รับนับตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้วบ่งชี้ว่าเฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หลังจากนั้นราคาทองคำปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนแตะ 1,784 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือน หลังจากที่สหรัฐประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนตุลาคมออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ตาราง ราคาทองคำ

ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดบางรายแถลงว่าเฟดควรจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคาดการณ์ว่าการประชุมเฟดในเดือนธันวาคมจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50%

นอกจากนี้ แนวโน้มราคาทองคำ spot ทางด้านปัจจัยเทคนิคกลับเป็นขาขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทิศทางราคาทองคำเป็นขาลงตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำมีรูปแบบ triple bottom โดยปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 1,614-1,617 ดอลลาร์ จำนวน 3 ครั้งในวันที่ 28 กันยายน วันที่ 21 ตุลาคม และวันที่ 3 พฤศจิกายน

หลังจากนั้นราคาปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทะลุ 1,730 ดอลลาร์ได้ ทำให้เกิดสัญญาณซื้อและทิศทางราคาทองคำกลับเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำ spot ในเดือนธันวาคมคาดปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญ 1,850 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,730 ดอลลาร์ สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟดครั้งสุดท้ายของปีนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐ และแรงซื้อขายทองคำจากกองทุนอีทีเอฟทองคำ

สำหรับการประชุมเฟดในรอบนี้คาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ประเด็นสำคัญอยู่ที่ประมาณการอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือ dot plot ทำให้ทราบทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าว่าจะเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

ส่วนกองทุนอีทีเอฟทองคำ SPDR ยังเทขายทองคำอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน นับว่าเป็นการขายติดต่อกันมาเป็นเดือนที่ 7 แล้ว อย่างไรก็ดี มีการเข้าซื้อในบางวันเป็นสัญญาณที่ดีต่อราคาทองคำ

ส่วนเงินบาทในเดือนพฤศจิกายนแข็งค่าอย่างรวดเร็ว และเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยแข็งค่าขึ้นราว 2.50 บาท เป็นปัจจัยลบต่อราคาทองแท่งในประเทศอย่างมีนัยสำคัญราว 2,000 บาท


ซึ่งเงินบาทแข็งค่าขึ้นเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นไทย และภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดตั้งแต่เดือนกันยายน ทำให้คาดว่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และจะมีแนวรับสำคัญที่ 35 บาท แต่ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวคาดจะมีแนวรับถัดไปที่ 34 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 37 บาท