บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนต่อเนื่องจากปัจจัยแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังตัวเลขจ้างงานลดลง และราคาน้ำมันร่วงไปแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังประชุม APEC หนุนการท่องเที่ยวฟื้น จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,640 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนใน 8 หุ้นเด่นได้ประโยชน์มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยมีแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่เฟด สนับสนุนให้เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.4% ในช่วง 4Q65 สูงกว่า 4% ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
รวมทั้งการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน WTI ไปทดสอบระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และการที่จีนใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจีนมีรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน
และข้อมูลตัวเลขของสหรัฐที่มีการรายงานว่า ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 222,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย บ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานจะยิ่งทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยทาง FedWatch Tool ของ CME Group ได้แสดงความเห็นว่าขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 15% จึงคาดการณ์กรอบดัชนียังคงเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,600-1,640 จุด
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ตัวเลข GDP ที่แท้จริงของไทยปี’66 จะขยายตัว 3.7% เพิ่มขึ้นจาก 2.8% ในปี’65 สวนทางกับทั่วโลกที่ชะลอตัวลง และการประชุมเอเปค 2022 ที่ผ่านมาได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทย ทั้งในแง่การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ส่วนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าเห็นสัญญาณที่ดีต่อการท่องเที่ยวไทย และคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะกลับมาจำนวน 80% ของรายได้ในปี’62
อีกทั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าทางรัฐเตรียมเสนอมาตรการช้อปดีมีคืนให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา เบื้องต้นจะให้สิทธิประชาชนนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการไม่เกิน 40,000 บาท มาหักลดหย่อนภาษี
ด้านปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม วันที่ 25 พ.ย. กระทรวงพาณิชย์รายงานดุลการค้า ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศ ในวันที่ 23 พ.ย. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน พ.ย. และสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค.
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยจะมีการเสนอมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5-มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ที่จะประชุมในช่วงสิ้นเดือน พ.ย.นี้ โดยหุ้นที่คาดว่าได้รับประโยชน์ ได้แก่ ERW, CENTEL, VRANDA, ASAP, SPA, AAV, BA และ AOT