
บล.InnovestX ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ทดสอบแนวรับสำคัญ 1,610-1,615 จุด ราคาน้ำมันร่วงกดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน ฉุดดัชนี SET Index ลงทดสอบแนวรับสำคัญ 1,610-1,615 จุด ยืนได้ฟื้นตัวกลับ กรณีต่ำกว่าเป็นลบ แนวรับถัดไป 1,600 จุด แนะรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว หุ้นเด่น “AEONTS-BDMS”
วันที่ 8 ธันวาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) หรือเดิมชื่อ บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index ยังได้รับบรรยากาศลบ จากกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกต่อ และภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐในปีหน้า รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลงกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน กดดันดัชนีคาดลงทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1,610-1,615 จุด ซึ่งใช้เป็นจุดติดตาม หากยืนได้มีโอกาสเริ่มฟื้นตัวกลับ ส่วนกรณีต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,600 จุด
- มหาดไทยออกระเบียบใหม่ ตั้งคณะกรรมการชุมชน รับค่าตอบแทนรายเดือน
- เปิดชื่อ 10 อันดับโรงเรียนดัง กทม. นักเรียนแห่สมัครสอบเข้า ม.1 สูงสุด
- Café Amazon เฉลยเอง ไวรัลนกหน้าร้านสะดวกซื้อ กำลังจะเกิดอะไรขึ้น?
ประเด็นสำคัญคือ 1.จีนประกาศ 10 มาตรการโควิดใหม่ เช่น ห้ามล็อกดาวน์-ตรวจโควิดแบบเหมารวม งดจำกัดเดินทาง ผู้มีอาการน้อยกักตัวที่บ้านได้ เร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ ถือเป็นการส่งสัญญาณเปิดประเทศต้นปีหน้า
2.ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ GS, JPM, BofA ออกมาเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า
3.รัสเซียเตรียมระงับขายน้ำมันให้บางประเทศเพื่อตอบโต้ EU ที่บังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย 60 ดอลลาร์/บาร์เรล
4.พาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อ พ.ย +5.55% YOY -0.13% MOM คาดเงินเฟ้อปีนี้ค่ากลางอยู่ที่ 6% ส่วนเงินเฟ้อปี’66 คาด 2-3%
5.กกร.คาด GDP ปีนี้โต 3.2% ส่งออกโต 7.25% เงินเฟ้อคาด 6.2% และในสัปดาห์นี้จะทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงานชะลอขึ้นค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย. 66
6.ยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2022 ในช่วงครึ่งทาง (30 พ.ย.-6 ธ.ค. 65) มียอดจองรถยนต์สะสมทั้งสิ้น 11,518 คัน
7.ผู้ส่งออกปูนซีเมนต์ของไทยเตรียมส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ได้อีกครั้ง หลังทางการฟิลิปปินส์ไม่ต่ออายุมาตรการปกป้องจากการนำเข้า
8.KBANK ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 0.10-0.40% และปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR ในอัตรา 0.25% และ MRR อัตรา 0.13% มีผลวันนี้
สำหรับกลยุทธ์ลงทุน ช่วงสั้นมองตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำ จึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวดังนี้ 1.หุ้นเก็งกำไรจากความคาดหวังจีนเปิดประเทศหรือคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น เลือก SCGP, IVL, MINT, ERW
2.หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการจัดงานมหกรรมยานยนต์ (Motor Expo ครั้งที่ 39 ซึ่งตลาดคาดเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 16% YOY เลือก TISCO
3.หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/65 เติบโตแข็งแกร่ง YOY และ QOQ อีกทั้ง Valuation ยังน่าสนใจ เลือก BBL, GULF, SPALI, AOT, CPALL, AU
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ในกลางปี’66 อาทิ BLA, IRPC, KCE, SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR, STEC, SUPER, SYNEX, TASCO, TTA)
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อในไตรมาส 4/65
3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามา และอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
แนะนำหุ้นเด่นวันนี้ AEONTS มอง Valuation ถูกที่สุด (PE 9.1x และ PBV 1.8x สำหรับปีคาดการณ์ 2566) ขณะที่ไตรมาส 3 ปี’65 คาดกำไรเติบโตดีทั้ง YOY และ QOQ จากสินเชื่อที่โตดีขึ้น NIM ที่ลดลงเล็กน้อย หนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรจากขาย NPL จำนวนมาก
และ BDMS ที่ไตรมาส 4/65 คาดกำไรเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่เติบโตเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ป่วยชาวไทยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวต่างชาติ ซึ่งมีการนัดหมายเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง