ตรุษจีนหนุนหุ้น “หมู-ไก่” โบรกฯ แนะเก็งกำไรระยะสั้น

หมู-ไก่

เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ปี 2566 แล้ว ปีนี้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงไปมากแล้ว คาดว่าการจับจ่ายใช้สอยจะกลับมาสะพัดมากขึ้น

โดย “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมิน เม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ ในปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 12,330 ล้านบาท หรือขยายตัวราว 5.0% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีก่อน ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี

ขณะที่ในมุมของหุ้นที่จะได้ประโยชน์นั้น “ธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์” ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพบรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ น่าจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย และจากมาตรการช้อปดีมีคืน ที่จะเป็นตัวช่วยเร่งการจับจ่ายใช้สอยให้เพิ่มมากขึ้น

ธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์
ธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์

ขณะที่ในด้านความสามารถในการจับจ่ายของประชาชนปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. 2565 ที่ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และสูงสุดในรอบ 25 เดือน สะท้อนว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นและผ่อนคลายมากขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว

ภาพทั้งหมดนี้ น่าจะเกิดอานิสงส์ในหุ้นหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่าง บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) และ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BJC) รวมถึงหุ้นกลุ่มอาหารที่ขายหมู-ไก่ ซึ่งเริ่มที่จะเห็นทิศทางราคาที่รีบาวนด์ขึ้นมาอย่าง บมจ.เบทาโกร (BTG) และ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)

“ธรีทิพย์” กล่าวว่า แนวโน้มกำไรหุ้นกลุ่มค้าปลีกในปีนี้ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยประมาณการกำไรสุทธิของ MAKRO ในปี 2566 อยู่ที่ 12,400 ล้านบาท เติบโต 65% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ โดยการท่องเที่ยว จะช่วยหนุนการเติบโตด้วย โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 46 บาท

ด้าน BJC คาดกำไรสุทธิสิ้นปีนี้อยู่ที่ 5,817 ล้านบาท เติบโต 25.7% จากปีก่อน โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 40.8 บาท ส่วน บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) คาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้ค่อนข้างดี กำไรสิ้นปีอยู่ที่ 7,800 ล้านบาท เติบโต 25.5% จากปีก่อน ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ให้ไว้ที่ 46.6 บาท

 

ขณะที่หุ้นกลุ่มอาหารอย่าง BTG คาดกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 8,200 ล้านบาท เติบโต 2% เนื่องจากในปีที่แล้วมีการเติบโตที่ค่อนข้างดี ทำให้ปีนี้อาจมีรูมในการเติบได้ไม่มากนัก โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 47.4 บาท

ส่วน CPF คาดอยู่ที่ 17,898 ล้านบาท เติบโต 8.3% จากปีก่อน โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 31.2 บาท ซึ่งตัว CPF อาจจะไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากช่วงเทศกาลตรุษจีนเนื่องจาก CPF ทำธุรกิจค่อนข้างหลากหลาย แต่จะได้อานิสงส์จากการที่คนจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น

“จะเห็นว่ากำลังซื้อของประชาชนฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนก็จะเป็นหนึ่งในบรรยากาศ (sentiment) เชิงบวกที่เข้าซัพพอร์ตตลาด แต่ไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาลตรุษจีนเท่านั้นที่หุ้นกลุ่มเหล่านี้จะสามารถเติบโตได้ มองว่าเป็นภาพของระยะยาวจากกำลังซื้อและมาตรการที่รัฐบาลก็จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตตลอดทั้งปี” ธรีทิพย์กล่าว

ด้านฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ว่า ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเทศกาลตรุษจีนหุ้นในกลุ่มสัตว์บก จะมีผลตอบแทนที่เป็นบวกเฉลี่ย 1-2% จากราคาหมูไก่ที่ปรับตัวขึ้น อย่าง CPF และ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ดังนั้นจากการคาดการณ์ที่ว่าเทศกาลตรุษจีนในปีนี้จะคึกคัก ก็ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้จะมีความน่าสนใจมากขึ้น และนักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นในช่วงนี้ได้

ตาราง ตรุษจีนหนุนหุ้น

โดยหุ้นเด่นจะเป็น GFPT เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ในประเทศมากถึง 80% และยังมีการส่งออกไปยังประเทศจีนด้วย เพราะฉะนั้นการที่จีนเปิดประเทศก็คาดว่าตรุษจีนปีนี้น่าจะคึกคักและการจับจ่ายที่ฟื้นตัว ซึ่งคาดการณ์กำไรสุทธิปกติปี 2566 อยู่ที่ 1,757 ล้านบาท โดยแนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 17.5 บาท

ส่วน CPF จะมีสัดส่วนการส่งออกค่อนข้างเยอะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะมากกว่าในประเทศ แต่จะได้อานิสงส์จากราคาเนื้อสัตว์ที่แพงขึ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ที่ 18,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% และให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 31.5 บาท

ขณะที่ BTG เป็นอีกตัวที่น่าสนใจและยังมีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศค่อนข้างมาก โดยคาดการณ์กำไรสุทธิสิ้นปีอยู่ที่ 7,100 ล้านบาท โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 45 บาท

“ภาพรวมกำไรกลุ่มนี้ในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตค่อนข้างสูงทำให้ในปีนี้กำไรอาจจะทรงตัว หรืออาจจะชะลอตัวลงได้เล็กน้อย เพราะฉะนั้นราคาหุ้นที่ปรับย่อลงมาในช่วงระยะนี้ เป็นเพราะตลาดกังวลเรื่องของผลประกอบการที่จะชะลอตัวมากจนเกินไป แต่หากมีปัจจัยบวกใหม่ที่เข้ามาจะทำให้ราคาสามารถวิ่งขึ้นไปได้ เนื่องจากราคาปัจจุบันยังไม่สูงมาก จึงยังมีรูมในการปรับขึ้นพอสมควร”

ดูแล้ว เทศกาลตรุษจีน ก็อาจช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกในระยะสั้น แต่ภาพเศรษฐกิจที่กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น จะช่วยหนุนหุ้นหลาย ๆ กลุ่มได้ดีกว่า