ต่างชาติซื้อหุ้นไทยเดือนแรกปี’66 แตะ 1.8 หมื่นล้าน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์ท่องเที่ยวจีนพุ่งและความกดดันเศรษฐกิจถดถอยที่ลดลง หนุน SET INDEX เดือนม.ค.ปิดที่ 1,671.46 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ในเดือนแรกของปี 2566 ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 18,997 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาภาพรวมตลาดทุนกับมาค่อนข้างดี โดยตลาดต่างประเทศมีปัจจัยสนับสนุน ทั้งจากการที่กองทุนต่างประเทศ (IMF) ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2566 ขยายตัว 2.9% และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ปรับลดลงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรง

โดยจะเห็นได้จากจากประชุมครั้งล่าสุดเฟดประกาศปรับขึ้นอัตราดอกบี้บเพียง 0.25% และคาดว่าธนาคารกลาง ๆ ประเทศอาจจะชะลอการขึ้นอัตราดอเกบี้ยเช่นกัน ขณะที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกฟื้นคัวและมีการปรับประมาณการเศณษบกิจกินปีนี้จะเติบโตขึ้นด้วย

“ข่าวดีหลัก ๆ ของต่างประเทศคือเรื่องของ GDP ที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ความกังวลเรื่องของเศรษฐกิจถดถอยลดลง หรือมองว่าหากเกิดเศรษฐกิจถดถอยก็อาจไม่ได้กระทบรุนแรง” นายศรพล กล่าว

ขณะที่ปัจจัยบวกภายในประเทศซึ่งโดยรวมได้รับอานิสงส์จากการที่จีนเปิดประเทศ ซึ่งทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นมากส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีต่อเนื่อง รวมถึงบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวกและหนุนให้มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง

ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือน มกราคม 2566 ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดที่ 1,671.46 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และปรับเพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

โดย SET Index ในเดือนมกราคมปี 2566 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาสสุดท้ายปี 2565 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

ในเดือนมกราคม 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 72,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 56,184 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 23.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ โดยในเดือนมกราคม 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 18,997 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9

นอกจากนี้ในเดือนมกราคม 2566 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) และ บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล (SAF) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้นไอพีโอ(IPO) ของไทยปี 2566 อยู่ยังในระดับต้นๆ ของเอเชีย

นายศรพล กล่าวต่อว่า ปัจจัยทางการเมือง มองว่าการเลือกตั้งใหม่ไม่ได้มีผลต่อตลาดหุ้นโดยตรง แต่จะตัวนโยบายของพรรคใหม่จะมีผลต่อหุ้นบางกลุ่ม ซึ่งก็ต้องมาดูว่านโยบายนั้นจะส่งผลบวกหรือลบต่อหุ้นในกลุ่มไหนบ้างซึ่งก็จะแตกต่างกันออกไป

“แม้ว่าภาพรวมตลาดการลงทุนในปีนี้จะดูสดใสมากขึ้น และมีหลายประเทศที่เริ่มฟื้นกลับมาทำให้เริ่มกลับมามีความน่าสนใจที่เข้าไปลงทุนมากขึ้น แต่เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติยังคงมองตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่น่าลงทุนจากปัจจัยที่เศรษฐกิจกำลังฟื้น “ นายศรพล กล่าว