หุ้น SAWAD วิ่งทำระดับสูงสุดวันนี้ที่ราคา 61 บาท +4.27% จากราคาปิดวันก่อนหน้า “บล.หยวนต้า” มองบวก เชียร์ “ซื้อ” กาง 5 ข้อรับข่าวดี ซื้อหุ้น 49% ในบริษัท “เงินสดทันใจ” คืนจากออมสิน เชื่ออุตฯจำนำทะเบียน ลดแรงกดดันแข่งดอกเบี้ยต่ำ เตรียมเห็นสัญญาณขยับดอกเบี้ยแข่งใหม่
วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ของ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ได้อนุมัติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นช่วงวันที่ 23 มิถุนายน 2566 เพื่อขออนุมัติเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด (FM) จำนวน 4.9 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 49% ในราคาหุ้นละ 306 บาท จากธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นตั้งแต่เริ่มลงทุน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดัง ประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทดัง เปิดขายเดือน พ.ค.นี้ ชูดอกเบี้ยสูงสุด 7.20%
โดยจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนภายในเดือนมิถุนายน 2566 มูลค่าการซื้อขาย 1,499.4 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าซื้อหุ้นจะทำให้ SAWAD มีสัดส่วนถือหุ้นใน FM เพิ่มจาก 49% เป็น 98% ทำให้ FM มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ SAWAD
ทั้งนี้ ราคาหุ้น SAWAD เปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ ด้วยราคา 58.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.42% จากราคาปิดวันก่อนหน้า และตลอดภาคเช้าสามารถไต่อยู่ในแดนบวกได้ โดยขึ้นไปทำระดับราคาสูงสุดที่ 61 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.27% จากราคาปิดวันก่อนหน้า
ด้านนายตฤณ สิทธิสวัสดิ์ นักวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากประเด็นดังกล่าวมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อ SAWAD หากวันที่ 23 มิ.ย. 2566 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ SAWAD มีมติอนุมัติการซื้อหุ้น FM คาดว่าธุรกรรมจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3/2566 โดย SAWAD จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเงินสดทันใจด้วยสัดส่วน 98%
ทั้งนี้ จะมีข้อเสียต่อ SAWAD อยู่คือช่องทางในการทำธุรกิจที่เคยดำเนินการผ่านธนาคารออมสินจะหายไป แต่จะมีข้อดีมากกว่าคือ
1. SAWAD สามารถเอาธุรกิจจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์กลับมาทำเอง ดังนั้นต่อไปเกณฑ์ในการทำธุรกิจอาจจะผ่อนคลายลง และโอกาสในการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น
2.เปลี่ยนวิธีการรับรู้กำไรจาก FM ที่จากเดิมรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม เป็นการรวมงบการเงิน (Consolidated) ซึ่งคาดจะช่วยสร้างกำไรให้กับ SAWAD เพิ่มเติม หรือเป็นบวกต่อประมาณการ เพราะ FM ไม่ได้มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน
3.ด้วยขนาดพอร์ตสินเชื่อของ FM ที่คาดจะอยู่ในระดับ 1.5-2 หมื่นล้านบาท จะถูกรวมเข้ามาในงบของ SAWAD ทำให้ Loan Growth ในปี 2566 เร่งตัวขึ้นอย่างมาก นอกเหนือไปจากการขยายสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ผ่าน บมจ.ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 (SCAP) ที่ขยายตัวได้ดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ SAWAD มีช่องทางใหม่ในการทำธุรกิจจำนำทะเบียน เมื่อลูกค้า SCAP ผ่อนรถเสร็จสามารถต่อยอดมาทำจำนำทะเบียนกับ FM ได้ อีกทั้งสินเชื่อส่วนใหญ่ของ FM เป็นฐานลูกค้าของธนาคารออมสิน ที่มีฐานะการเงินดี มีรายได้ประจำ (ต่างจากลูกค้าของ SAWAD) และใช้เกณฑ์ปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด ทำให้ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ชั้นดี ซึ่งบริษัทมีโอกาสที่จะต่อยอดบริการทางการเงินอื่น ๆ ให้เพิ่มเติมอีก เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการขายประกันภัย
4.เนื่องจากซื้อขายในราคาเดิมที่ SAWAD ได้ขายหุ้นสามัญดังกล่าวให้กับธนาคารออมสิน คิดเป็นมูลค่าธุรกรรมทั้งสิ้น 1,499.4 ล้านบาท ทำให้รอบนี้ SAWAD จะได้เปรียบ เพราะช่วงโอนหุ้นคราวก่อน พอร์ตสินเชื่ออยู่แค่ 7 พันล้านบาท แต่ตอนนี้ขยับขึ้นมาอยู่ 2 หมื่นล้านบาท
5.การที่ธนาคารออมสินถอนตัวจากธุรกิจจำนำทะเบียน ถือเป็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายในแง่การแข่งขันของอุตสาหกรรม แม้ SAWAD และธนาคารออมสินจะมีการบันทึกข้อตกลงร่วมกันที่จะให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกับ FM ต่อไป แลกกับการที่บริษัทต้องปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ในอัตราไม่เกิน 18% ต่อปี
แต่คาดจะไม่สร้างแรงกดดันด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากเท่ากับก่อนหน้านี้ อีกทั้ง SAWAD อาจเลือกใช้แหล่งเงินทุนอื่นทดแทนเพื่อลดเงื่อนไขสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต เพราะปัจจุบันสินเชื่อจำนำทะเบียนยังคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดานดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 24% ต่อปี
“เราเชื่อว่าแรงกดดันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้น่าจะลดลง และทำให้อุตสาหกรรมมีโอกาสปรับดอกเบี้ยขึ้นได้ ปัจจุบันแข่งดอกเบี้ยในตลาดอยู่ราว 17-18% ต่อปี เพดานอยู่ที่ 24% ต่อปี ดังนั้นอาจจะมีโอกาสเห็นดอกเบี้ยขยับมาแข่งที่ระดับ 20% จากต้นทุนผู้ประกอบการที่สูงขึ้น และเมื่อธนาคารใหญ่เลิกทำธุรกิจไป มีโอกาสทยอยปรับดอกเบี้ยได้ช่วงครึ่งปีหลังหรือปีหน้า” นายตฤณกล่าว
ทั้งนี้ยังคงชอบหุ้น SAWAD จากผลดำเนินงานที่จะปรับตัวดีขึ้น ตามการเร่งขยายพอร์ตสินเชื่อที่โดดเด่น ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมีอัพไซด์ 9.4% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2566 ที่ 64 บาท และคาดให้อัตราเงินปันผลอีก 3.8% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
