หุ้นไทยทดสอบ 1,535-1,540 จุด ก่อนสลับอ่อนตัว น้ำมันดิ่ง-ศก.จีนต่ำคาด

หุ้นไทย

บล.กรุงศรี พัฒนสินฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งขึ้นทดสอบ 1,535-1,540 จุด ก่อนสลับอ่อนตัว แม้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิตามคาดการณ์ FED ชะลอขึ้นดอกเบี้ย-แรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวเป็นแรงหนุนดัชนี แต่ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงหลัง GDP ไตรมาส 2 ของจีนต่ำกว่าคาด-ความไม่แน่นอนโหวตนายกฯรอบใหม่กดดันดัชนีสลับอ่อนตัว

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสินฯ รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยว่า วานนี้ดัชนี SET Index เพิ่มขึ้น 11 จุด (+0.71%) ปิดที่ระดับ 1,529 จุด นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากกระแสเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ เป็นพรรคเพื่อไทย

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET ขึ้นทดสอบ 1,535-1,540 จุด ก่อนสลับอ่อนตัว โดยแม้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่พลิกเป็นฝั่งซื้อสุทธิตามคาดการณ์ FED ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวจะเป็นแรงหนุนดัชนี

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงหลัง GDP ไตรมาส 2 ของจีนต่ำกว่าคาดโดย +6.3% อีกทั้งความไม่แน่นอนประเด็นการโหวตนายกฯรอบใหม่จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

ประเด็นสำคัญวันนี้คือ

Advertisment

1.การเมือง – 8 พรรคร่วมลงมติเสนอชื่อคุณพิธา เพื่อโหวตนายกฯรอบที่ 2 ให้น้ำหนักเป็นกลางกับประเด็นนี้ เนื่องจากอยู่ในคาดการณ์ของตลาดอยู่แล้ว และคาดว่าผลโหวตจะไม่ต่างไปจากครั้งที่ 1 ทำให้ผลกระทบที่มีกับตลาดหุ้นจำกัด และเชื่อว่ากระแสเก็งกำไรการเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ เป็นพรรคเพื่อไทยยังคงอยู่

2.รัสเซียระงับข้อตกลงการส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำ คาดกระทบซัพพลายในตลาดธัญพืชเนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีและข้าวโพดคิดเป็น 30% และ 20% ของทั้งโลก ปัจจัยนี้จะหนุนให้ราคาธัญพืชสูงขึ้นกระทบต้นทุนผลิตของ CPF GFPT TFG BTG SNNP และ RBF แต่อีกด้านเป็นบวกต่อผู้ผลิตและขายจากราคาที่สูงขึ้น อาทิ TVO

3.จีนประกาศ GDP ไตรมาส 2 แม้จะขยายตัวดีขึ้น แต่น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยจีนมี GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 6.3% ดีขึ้นจาก 4.5% ในไตรมาส 1 แต่การขยายตัวดังกล่าวต่ำกว่าที่ Consensus คาดกันไว้ที่ 7.1-7.3% กดดันให้หลายหน่วยงานปรับลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้ อาทิ ซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน ลดคาดการณ์ GDP จีนเหลือ 5% จากเดิมคาดไว้ที่ 5.5% เช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นเด่นวันนี้

Advertisment

SCB (ปิด 109.5 บาท ซื้อ/เป้า Bloomberg Consensus 130 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2 ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามยอดสินเชื่อที่ขยายตัวดีขณะที่ NIM ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ โดย SCB มีสัดส่วนเงินฝากที่เป็น CASA สูง จึงได้ประโยชน์โดยตรงในเวลาที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

และ CBG (ปิด 69.25 บาท ซื้อ/เป้า 82 บาท) ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากราคาอะลูมิเนียมและน้ำตาลลดลง ส่วนงบไตรมาส 2 คาดมีกำไรสุทธิ 419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% QOQ จากยอดขายที่ฟื้นตัวในทุกกลุ่มธุรกิจ และมาร์จิ้นดีขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง