บลจ.อีสท์สปริงเตรียมเปิดขายกองทุนพันธบัตรมุ่งรักษาเงินต้นรุ่นใหม่ อายุ 1 ปี โอกาสรับผลตอบแทน 2.10% ต่อปี ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ระหว่าง 25-29 ก.ย. 2566
วันที่ 22 กันยายน 2566 นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 1Y5 (ES-GOVCP1Y5) อายุ 1 ปี ซึ่งเป็นกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่มุ่งรักษาเงินต้น
- หวยงวด 16 พ.ค. สถิติหวย ผลการออกรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
- หวยงวด 16 พ.ค. 67 ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
โดยผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยเปิดเสนอขายตั้งแต่วันที่ 25-29 กันยายน 2566 นี้ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
ทั้งนี้กองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 1Y5 (ES-GOVCP1Y5) มีนโยบายที่จะนำเงินไปลงทุนในตราสารที่มุ่งให้เกิดการรักษาเงินต้น ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วน 100% โดยคาดหวังผลตอบแทนประมาณ 2.28% ต่อปี หลังจากหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.18% ต่อปีแล้ว คาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 2.10% ต่อปีของ NAV
กองทุน ES-GOVCP1Y5 จะลงทุนครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยบริษัทจะดำเนินการให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกราย ไปยังกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทจัดการเปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้ โดยผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงเวลา 1 ปี
ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก กองทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหมายไว้ หากผู้ออกตราสารหรือธนาคารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ และบริษัทจัดการจะสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ