พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ส่งบริษัทย่อยลงทุนซื้อสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ Subway (ซับเวย์) แบรนด์ร้านแซนด์วิชจากสหรัฐอเมริกา มูลค่าการลงทุน 35 ล้านบาท พร้อมตั้งบริษัทใหม่ดูแลแฟรนไชส์
วันที่ 4 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ระบุว่า บริษัทขอเรียนให้ทราบว่า บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นผ่าน บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.99) ได้เข้าร่วมลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
โดยจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่คือ บริษัท โกลัค จำกัด เป็นบริษัทย่อยทางอ้อม มูลค่าการลงทุน 35 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนบริษัท 50 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจในฐานะที่เป็นเจ้าของ Master Franchise ภายใต้ชื่อและเครื่องหมายการค้า “Subway” และบริหารจัดการร้านอาหารภายใต้ชื่อ และเครื่องหมายการค้า “Subway”
รวมทั้งบริหารจัดการร้านอาหารในระบบแฟรนไชส์ภายใต้ชื่อ และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งในส่วนที่เป็นชื่อ และเครื่องหมายการค้าของไทย และของต่างประเทศ รวมถึงการดำเนินงานในเรื่องอื่นใดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดังกล่าว
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในบริษัท โกลัค จำกัด มีดังนี้
- บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด 35,000 หุ้น (สัดส่วน 70%)
- บริษัท ไลฟ์สไตล์ ฟู้ด จำกัด 12,500 หุ้น (สัดส่วน 25%)
- นางสาวเพชรัตน์ อุทัยสาง (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะเบาท์ แพสชั่น กรุ๊ป จำกัด และผู้ถือแฟรนไชส์เดิมของ Subway) 2,500 หุ้น (สัดส่วน 5%)
ทั้งนี้ ร้าน Subway เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2546 และมีการเปลี่ยนมือผู้บริหารแฟรนไชส์หลายครั้ง ก่อนที่ปี 2565 บริษัท อะเบาท์ แพสชั่น กรุ๊ป จำกัด จะได้รับสิทธิ Master Franchise บริหารร้าน Subway ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว พร้อมกับการปรับกลยุทธ์ให้ร้านโดดเด่นในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน หรือ Quick Service Restaurant (QSR)
ส่องเป้าหมาย PT ปี 2567
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน “PTG Business Outlook 2024 : Drive for Tomorrow, The Dynamism of Speed” ซึ่งเป็นการแถลงภาพรวมและแผนธุรกิจในปี 2567
โดยระบุว่า ปี 2567 บริษัทมีงบฯลงทุนอยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยธุรกิจ Nonoil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50%
หนึ่งในธุรกิจ Nonoil ของ PT คือร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งวางรูปแบบขยายสาขาร้านในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” มากขึ้น ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมันเป็นจำนวนรวม 5,000 สาขา ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศภายในปี 2570 จากปัจจุบันที่ 882 สาขา
โฟกัสการขยายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ ย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง (CBD : Central Business District) หัวเมืองตามจังหวัดต่าง ๆ ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย รวมถึงขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ลาว