บทความโดย "รัตนาวดี อนุสรณ์วงศ์ชัย" นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
วันที่ 5 มีนาคม 2567 หากใครมีที่ดินว่างเปล่าและยังไม่มีแผนจะนำไปพัฒนาอะไร อาจพิจารณาปล่อยเช่าให้กับผู้ที่สนใจก็ได้ อย่างน้อย ๆ ก็จะได้มีรายได้จากค่าเช่าที่ดินเข้ามาเป็นประจำตามที่ตกลงกันเอาไว้ เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี และเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการปล่อยเช่าที่ดิน วิธีหนึ่ง คือ การวางแผนภาษี
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
กรณีมีเงินได้อื่น นอกจากค่าเช่า
กรณีมีรายได้หลายทาง เช่น นายขยัน ประกอบอาชีพแพทย์ ได้รับเงินเดือนจากโรงพยาบาล เดือนละ 50,000 บาท รายได้จากการเปิดคลีนิค เดือนละ 80,000 บาท รายได้ค่าลิขสิทธิ์จากการเขียนหนังสือ 20,000 บาท โดยปัจจุบัน นายขยันมีรายได้รวม 150,000 บาทต่อเดือน
หากนายขยันต้องการนำที่ดินที่ว่างอยู่เพื่อปล่อยเช่า โดยจะได้รายได้ค่าเช่า 40,000 บาทต่อเดือน ซึ่งรายได้ค่าเช่าดังกล่าวจะต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีด้วย ซึ่งจะทำให้เสียภาษีสูงขึ้น เนื่องจากเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว
นายขยันต้องนำมาคำนวณภาษีในอัตราก้าวหน้า (ร้อยละ 5-35) และยังต้องคำนวณเปรียบเทียบกับภาษีขั้นต่ำในอัตราคงที่ที่ร้อยละ 0.5 ของเงินได้พึงประเมินด้วย หากวิธีใดทำให้เสียภาษีมากกว่ากันก็ต้องเสียภาษีไปตามวิธีนั้น จึงทำให้นายขยันมีภาระภาษีเพิ่มมากขึ้น
เทคนิคการใช้ประโยชน์จากการจดทะเบียนก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ
กรณี นายขยัน มีบุตร 1 คน ชื่อนายขันแข็ง อายุ 22 ปี ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือนเดือนละ 18,000 บาท นายขยัน ผู้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ อาจพิจารณาจดทะเบียนก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิและโอนทรัพย์อิงสิทธิแบบไม่มีค่าตอบแทนให้แก่นายขันแข็ง (บุตรชอบด้วยกฎหมายของนายขยัน) ซึ่งมีรายได้น้อยกว่า โดยมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจดทะเบียนก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิ ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน 20,000 บาท
- ค่าออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิหรือใบแทนหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิฉบับละ 10,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนทรัพย์อิงสิทธิแบบไม่มีทุนทรัพย์ครั้งละ 1,000 บาท
ในกรณีนี้ รายได้ค่าเช่าจากการเช่าที่ดิน จะไม่ต้องถูกนำมารวมเป็นเงินได้ของนายขยัน ส่วนนายขันแข็ง ต้องนำรายได้ค่าเช่าไปรวมคำนวณในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากลางปี (ภ.ง.ด.94) และนำรายได้ค่าเช่า ไปรวมกับเงินเดือนเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด.90) แต่มีสิทธินำภาษีที่ชำระกลางปี มาเป็นเครดิตภาษีได้
เทคนิคการวางแผนภาษีข้างต้น เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถช่วยให้ประหยัดภาษีได้ เนื่องจากมีการโอนรายได้ค่าเช่าที่ดินเพื่อไปรวมคำนวณเสียภาษีในนามของนายขันแข็งซึ่งเป็นบุตรของนายขยัน ซึ่งนายขันแข็งมีรายได้รวมน้อยกว่ารายขยัน ทำให้เสียภาษีในอัตราภาษีที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกรณีการนำรายได้ค่าเช่าไปเสียภาษีในนามของนายขยัน
อย่างไรก็ตาม การโอนทรัพย์อิงสิทธิให้แก่นายขันแข็ง ต้องเป็นการกระทำโดยมีเจตนาโอนกันจริง มิใช่การแสดงเจตนาลวงโดยผู้มีรายได้ค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่แท้จริงยังเป็นนายขยัน เพราะหากเป็นการแสดงเจตนาลวงจะเข้าข่ายการหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท