
แบงก์ติดสปีดปรับโครงสร้างหนี้ “บ้าน-รถยนต์” สกัดเอ็นพีแอลทะลัก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” เผยครึ่งปีแรกแบงก์ปรับโครงสร้างหนี้เฉลี่ยไตรมาสละ 7,340 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ทีทีบี ลุยปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง คาดไตรมาสแรกปีหน้าสถานการณ์ดีขึ้น ฟาก “กรุงศรี ออโต้” ประเมินครึ่งปีหลังลูกค้าเข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้อีก 2 หมื่นราย
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตอนนี้การปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา (Troubled Debt Restructuring : TDR) ของธนาคารพาณิชย์มีทิศทางเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้การด้อยคุณภาพของสินทรัพย์ เป็นปัญหาลากยาว แบงก์จึงยังคงให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง และทำตามเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ให้ปรับโครงสร้างหนี้ก่อนจะเป็นหนี้เสีย (Debt Restructuring : DR) และหลังเป็นหนี้เสีย (TDR)

“จะเห็นว่าตัวเลข TDR ในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยของธนาคารเฉลี่ยต่อไตรมาสปรับเพิ่มขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 พบว่า มีการปรับโครงสร้างเฉลี่ย 7,349 ล้านบาทต่อไตรมาส เพิ่มขึ้นจากในปี 2566 เฉลี่ยเกือบ 7,000 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยสัดส่วนสูงสุดจะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย รองลงมาเป็นสินเชื่ออุปโภคบริโภค และสินเชื่อเช่าซื้อ”
สำหรับวิธีการจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จะแตกต่างกันตามประเภทสินเชื่อ โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเน้นการปรับโครงสร้างหนี้ สินเชื่อเช่าซื้อ จะเป็นการตัดขายหนี้ เป็นต้น
ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ ณ ไตรมาสที่ 2/2567 อยู่ที่ 5.11 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.78% ของสินเชื่อทั้งหมด ขยับเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ที่อยู่ 4.92 แสนล้านบาท หรือ 2.66% ขณะที่สินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Stage 2 หรือ SM) ณ ไตรมาสที่ 2/2567 อยู่ที่ 1.14 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 6.23% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ที่อยู่ 1.08 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 5.87% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด
“สัญญาณการด้อยคุณภาพของสินเชื่อยังคงมีอยู่ เป็นไปตามภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และสะท้อนผ่านมายังการปรับโครงสร้างหนี้ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเราคาดกรอบหนี้เอ็นพีแอลปี 2567 อยู่ที่ 2.65-2.85% อย่างไรก็ดี มีโอกาสทบทวนตัวเลขระหว่างปี ซึ่งรอติดตามความคืบหน้าของกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ เพราะอาจจะช่วยชะลอการเพิ่มของหนี้เอ็นพีแอล”
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในส่วนสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารได้เข้าไปปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน ก่อนเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น จากต้นปีเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-6,000 รายต่อเดือน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 10,000-12,000 รายต่อเดือน

โดยแนวโน้มในระยะข้างหน้าคาดว่าการปรับโครงสร้างหนี้จะทรงตัวอยู่ในระดับ 10,000 ราย และจะทยอยลดลงในไตรมาสที่ 1/2568 ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัย คาดว่ามีลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้กว่า 100 รายต่อเดือน ค่อนข้างทรงตัว
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ภายใต้หลักการการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ สถาบันการเงินมีการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงป้องกันการไหลของเอ็นพีแอล โดยจะเห็นว่าตัวเลขสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Stage 2 หรือ SM) ของระบบธนาคารปรับเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก ทำให้ธนาคารเร่งปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก เพื่อป้องกันไม่ให้ไหลไปเป็นเอ็นพีแอล
“ยอดการปรับโครงสร้างหนี้ของเราอาจจะไม่ได้สูงมาก แม้ว่า Stage 2 จะเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในอัตราที่ไม่น่ากังวล และติดตามดูแลใกล้ชิด อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นปัญหาที่กังวล คือ ไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้ หรือลูกค้าหายไป ซึ่งมีค่อนข้างเยอะ ทำให้การให้ความช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ทำได้ยาก ดังนั้น หากลูกค้าที่มีปัญหาหรือเริ่มมีสัญญาณการผ่อนชำระไม่ไหว อยากให้ติดต่อมา”
นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า กรุงศรี ออโต้ คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะมีลูกค้าเข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ราว 20,000 ราย จากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทได้ช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วทั้งหมดราว 16,000 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“เราเข้าใจถึงสถานการณ์ความยากลำบากในภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน เราช่วยเหลือลูกค้าเป็นรายกรณี และคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก”