“ดร.สมจินต์ ศรไพศาล” มองมาตรการภาษีการค้าโลกยกระดับร้อนแรง เตือนนลท.ระวังตลาดผันผวนสูง

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย เปิดเผยในงานสัมมนา “2019 Wealth Designed ออกแบบพอร์ตตอบโจทย์ทั้งชีวิต” ว่า ปีนี้เป็นปีที่น่าสนใจหากมองต่อเนื่องจากปี 61 โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงปีที่แล้วมักจะขาดทุน ส่วนกลุ่มคนที่ปีที่แล้วไม่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ Under Invest คือเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ลงทุน เพราะว่าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นติดลบค่อนข้างมาก และบอนด์ระยะยาวมีโอกาสติดลบเหมือนกัน แต่ว่าส่วนที่เป็นเงินฝากอาจจะได้ผลตอบแทนที่ไม่ติดลบ

ทั้งนี้ชีวิตของเรายาวนาน ผลตอบแทนของหนึ่งปีไม่ใช่ตัวที่กำหนดว่าเราประสบความสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่แน่นอนปีที่แล้วการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกติดลบเป็นการทั่วไป ก็มีเหตุที่สำคัญคือ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยโดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีมุมมองที่หลายคนเป็นห่วง แต่สิ่งนั้นได้ค่อยๆ เปลี่ยนไปในต้นปี 62 เป็นทิศทางที่ไม่คิดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเหมือนอย่างปีที่ผ่านมา หรืออย่างที่ถูกคาดการณ์เอาไว้ เพราะฉะนั้นเป็นเหตุให้ไตรมาส 1/62 ค่อยข้างดีในแง่ของสินทรัพย์เสี่ยงที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาค่อนข้างดีสำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นไทยด้วย

แต่ประเด็นที่จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกคือ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ที่พูดอะไรแล้วตลาดจะฟังแล้วก็มีการเคลื่อนไหว ซึ่งสิ่งที่พวกเราเป็นกังวล 1-2 ปีที่ผ่านมาคือ เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่มีการเพิ่มขึ้นภาษีนำเข้า และมีการกำหนดไว้ว่าจะเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ตลาดคุยกันไป มีความหวังกันไป ซึ่งคงจะรู้กันในช่วง 1-2 วันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เพราะว่า “ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ” หมายความว่าหลายประเทศทั่วโลกย่อมได้รับผลกระทบตามมาเพราะมีความเกี่ยวเนื่องกันในแง่ของเศรษฐกิจโลก

“ได้มีโอกาสพูดคุยกับ fund manager china opportunity fund ซึ่งเป็นกองทุนจีนที่ถือได้ว่ามี Performance ดีที่สุดในโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเขาแชร์ทัศนะของเขาให้ฟังว่า น่าจะยากที่จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นใน 2 วันนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดดีลได้ ทางจีนจะต้องยอมอ่อนข้อบางอย่าง แต่การอ่อนข้อในวันสองวันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่รับได้ในเชิงของการเมืองการปกครอง ดังนั้นเป็นไปได้สูงตัวมาตรการภาษีจะต้องถูกยกระดับขึ้นมา แม้ว่าอาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ ซึ่งมุมมองถัดไปไม่ว่าจีนและสหรัฐคงจะประสบปัญหาที่จะต้องซื้อของที่แพงขึ้น” นายสมจินต์กล่าว

เพราะฉะนั้นสำหรับพวกเราที่เป็นนักลงทุนคงจะต้องยอมรับความจริงที่โลกนี้ไม่แน่นอน ซึ่งจะมีความผันผวนเกิดขึ้นสูง เท่าที่สังเกตสงครามการค้าเริ่มมีภาพที่ชัดเจนตั้งแต่เดือน มี.ค.61 ที่มีการขึ้นภาษีเหล็ก อะลูมิเนียม สำหรับประเทศจีนเราจะเห็นได้ว่า ดัชนีราคา Shanghai Stocks Index ได้ลดลงจากแถว 2300-2400 ลงมาถึงที่ LOW ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานต่ำกว่า 2500 และกลับดีขึ้นมาหลังจากที่มีความสบายใจในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลง และมีการเจรจาการค้าทำให้หุ้นกลับขึ้นมา


“เรื่องพวกนี้ในมุมมองของผม ความตกใจแรกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และการที่มันส่งผลกระทบหุ้นจีนลงไป 26% ถ้ามองในอีกแง่มุมถือเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ระดับราคามันได้ปรับลงมาสู่ในระดับที่ได้สะท้อนความไม่แน่นอนในอนาคตไว้เยอะพอสมควรแล้ว ทำให้ใครที่ถือครองตอนนี้ หรือจะตั้งใจจะถือครองก็อาจจะไม่ได้มี Downside เยอะจนเกินไป แม้ว่าเราจะพูดไม่ได้ว่ามันจะไม่ผันผวน เพราะว่าเรากำลังจะไปสู่โลกที่มีความผันผวนขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เราพยายามคาดหวังให้เป็นอย่างอื่น มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น” นายสมจินต์กล่าว
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ต.ค.61-ก.พ.62 ภาพของการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐและจีนค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งภาพนี้อาจจะเรียกว่าเป็นความสำเร็จของ “ทรัมป์” ซึ่งอาจจะเป็นแรงจูงใจให้เขาพยายามที่จะกดดันเพิ่มขึ้นต่อไปเพื่อสร้างคะแนนหรือสร้างโอกาสตรงนั้นขึ้นมา