ตลาดหุ้นไทยร่วง 9 จุด นลท.เทขายลดความเสี่ยง รอดูท่าทีถ้อยแถลงประธานเฟด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเฮ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันที่ 9 ก.ค.62 ว่า วันนี้มีแรงขายปรับตัวลงในช่วงภาคบ่าย ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,721.48 จุด ลดลง -9.55 จุด หรือ -0.55% โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 65,332.40 ล้านบาท หลักๆ ตลาดตอนนี้อยู่ในช่วงการ “ปรับฐาน” เพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ ซึ่งช่วงต้นสัปดาห์อาจจะยังไม่ค่อยมีปัจจัยใหม่ๆ จึงอาจจะเห็นสัญญาณเทขายทำกำไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Global Play จะเห็นว่าขายออกไปมากขึ้น สาเหตุหลักๆ เชื่อว่าตอนนี้ตลาดจะกลับมาโฟกัสภาพรวมของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลังจากที่ตลาด Rally มา 100 กว่าจุด ซึ่งปรับตัวขึ้นยกแผง แต่ตอนนี้ตลาดกำลังเดินเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการช่วงประมาณปลายสัปดาห์นี้ จะได้เห็นกำไรออกมามากขึ้นในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์ (แบงก์)

โดยหุ้นตัวไหนก็ตามที่กำไรไตรมาส 2 ออกมาไม่ดี ก็อาจจะมีจังหวะในการเทขายทำกำไรออกไปก่อน เพื่อรอช้อนซื้อหลังจากที่งบแย่ๆ ออกมา ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Global Play ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงกลั่น, ปิโตรเคมี เป็นกลุ่มที่ภาพรวมของไตรมาส 2 โดนแรงกดดันจากสงครามการค้าอยู่ ดังนั้นกำไรจะไม่ค่อยเด่น

โดยจุดหลักถัดไปที่ต้องจับตามองคือ ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ต่อสภาครองเกรสว่าท้ายที่สุด ทิศทางมุมมองของภาพรวมเศรษฐกิจหรือเทรนด์ตัวดอกเบี้ยในช่วงถัดไปของสหรัฐ ครึ่งปีหลังจะมีมุมมองเป็นอย่างไร ในช่วงวันที่ 10-11 ก.ค.62 และในช่วงวันที่ 11 ก.ค.จะมีการรายงานภาพการรายงานการประชุม FOMC เมื่อการประชุมรอบก่อน ซึ่งต้องดูว่าประธานเฟดแต่ละท่านให้ความเห็นต่อมุมมองดอกเบี้ยเป็นอย่างไรบ้าง เพราะตอนนี้ตลาดต้องการที่จะให้โทนออกมาโดยให้ประธานเฟดผ่อนคลาย เพื่อกระตุกในเชิงของฟันด์โฟลว์ไหลกลับเข้ามาอีกรอบหนึ่ง ถ้ามุมมองออกมายังเป็นสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้น (Dovish) มากๆ สัญญาณนี้ก็ยังเป็นตัวพยุงตลาดหุ้นไทยอยู่

สำหรับทิศทางวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.62) มองว่า โดยการเคลื่อนไหวน่าจะลงไปทดสอบแนวรับของสัปดาห์แถวๆ บริเวณ 1,710 จุด ขณะที่กรอบด้านบน 1,740 จุด จังหวะตรงนี้อาจจะมีการลดความเสี่ยงลงมาบ้างก่อน โดยกลยุทธ์ลงทุนโฟกัสแนวโน้มของผลประกอบการเด่นๆ คือ กลุ่ม Domestic Play ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก, ไฟแนนซ์,ทรานสปอร์ต