“อุตตม” เดินสายสั่งกรมภาษีรีดรายได้ 2.87 ล้านล้านบาท

“อุตตม” เดินสายสั่งกรมภาษีรีดรายได้ให้เข้าเป้า ดันสรรพากรเก็บ “ภาษีอีบิสซิเนส” เริ่มปี’63 หวังโกยอย่างต่ำ 3 พันล้านบาท เร่งสรุปต่ออายุคง VAT เบ่งเป้าสรรพสามิตเพิ่ม 1.5 หมื่นล้านบาท กรมศุลฯขึงเป้า 1.11 แสนล้านบาท ด้านอธิบดีสรรพสามิตยันเก็บภาษียาสูบที่ 40% หลังสิ้น ก.ย.นี้ตามแผนเดิม สรุป 3 กรมต้องเก็บรวมกันเป้าหมาย 2.87 ล้านล้านบาทในปีงบประมาณ 2563

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในการจัดทำงบประมาณปี 2563 ได้มีการประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิที่ 2,731,000 ล้านบาท ปรับลดลง 19,000 ล้านบาท จากกรอบเดิมที่เคยทำไว้ที่ 2,750,000 ล้านบาท เนื่องจากรายได้นำส่งจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หายไป 50,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังกำหนดให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น หรือไม่ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เคยวางไว้ตอนประมาณการเมื่อต้นปี 2562 โดย 3 กรมภาษีมีเป้าเก็บรายได้รวมกัน 2,870,100 ล้านบาท

“กรมสรรพากรได้รับเป้าหมายเก็บรายได้ไว้ที่ 2,116,500 ล้านบาทเช่นเดิม เท่ากับประมาณการครั้งก่อน เช่นเดียวกับกรมศุลกากรที่ให้คงเป้าหมายไว้ที่ 111,000 ล้านบาท ส่วนกรมสรรพสามิตได้รับเป้าหมายที่ 642,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่อยู่ที่ 627,600 ล้านบาท จำนวน 15,000 ล้านบาท ด้านหน่วยงานอื่นและรัฐวิสาหกิจได้รับเป้าหมายนำส่งรายได้ที่ 367,400 ล้านบาท ลดลงจากเดิมไปประมาณ 34,000 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จาก กสทช.หายไปราว 50,000 ล้านบาท” แหล่งข่าวกล่าว

โดยช่วงนี้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้เดินสายมอบนโยบายกรมภาษีให้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้อย่างเต็มที่ โดยเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ได้ไปกรมสรรพากรมาแล้ว และจะไปกรมสรรพสามิตในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ส่วนกรมศุลกากรจะเป็นลำดับถัดไป

นายอุตตมกล่าวหลังมอบนโยบายกรมสรรพากรว่า ช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรเก็บรายได้สูงกว่าเป้าอยู่ 48,000 ล้านบาท แต่ได้ฝากให้จัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2563 ให้ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยง ความท้าทายสูงขึ้น จะต้องมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ขยายฐานภาษี และปรับโครงสร้างภาษีให้เป็นธรรม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านการคลังของประเทศเอาไว้ และให้มีงบประมาณเพียงพอดูแลประชาชนและสำหรับการลงทุน ซึ่งทางกรมสรรพากรได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ เอาไว้แล้ว อย่างการเก็บภาษีอีบิสซิเนสจากผู้ให้บริการต่างประเทศ ก็จะเดินหน้าดำเนินการให้มีผลบังคับใช้ในปี 2563

นอกจากนี้ กรมสรรพากรต้องพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัล การนำบิ๊กดาต้า แอปพลิเคชั่นมาใช้ในกระบวนการด้านภาษี รวมถึงบล็อกเชนที่จะนำร่องมาใช้คืนภาษีในเดือน ต.ค.นี้ โดยตนยืนยันเดินหน้าภาษีอีบิสซิเนสต่อไป โดยจะผลักดันร่างกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ในปี 2563 พร้อมจะเร่งพิจารณาว่าจะขยายเวลาเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% หรือไม่ให้ได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ ส่วนมาตรการลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% เว้นภาษีให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี และเว้นภาษีให้เด็กจบใหม่ ยังอยู่ในกระบวนการศึกษา ที่ได้ตั้งปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะทำงาน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรจะเก็บรายได้ตามเป้าที่ 2,000,000 ล้านบาทแน่นอน ส่วนปีหน้าหากภาษีอีบิสซิเนสเริ่มเก็บได้จะทำให้มีรายได้เพิ่ม 3,000,000 ล้านบาท โดยกรมสรรพากรจะเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศกับสรรพากรประเทศนั้น ๆ เพื่อให้ตามเก็บภาษีได้

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า เป้าหมายเก็บรายได้ตามเอกสารงบประมาณปี 2562 ของกรมศุลกากรอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท แต่กรมมั่นใจว่าจะสามารถเก็บรายได้ทั้งปีที่ 108,000 ล้านบาท ตามที่ตกลงไว้กับกระทรวงการคลัง หลังช่วง 10 เดือนแรกเก็บรายได้แล้ว 91,109 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 7,909 ล้านบาท หรือ 9.5% และสูงกว่าคาดการณ์ 560 ล้านบาท หรือ 0.6% ส่วนในปีงบประมาณ 2563 ได้รับเป้าหมายที่ 111,000 ล้านบาท

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า มั่นใจว่าปีงบประมาณ 2562 กรมจะเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมายที่ตกลงไว้กับคลังที่ 585,000 ล้านบาท ซึ่งปรับลดจากเอกสารงบประมาณ เนื่องจากในปีงบประมาณ 2561 มีการดึงรายได้ปีงบประมาณ 2562 ไปล่วงหน้า 2 เดือน ขณะที่ปีงบประมาณ 2563 กรมมีเป้าหมายเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษียาสูบหลังสิ้น ก.ย.นี้ เป็นอัตรา 40% อัตราเดียว ยังเป็นไปตามแผนเดิม