กรุงศรีอยุธยา มองเงินบาทปี 63 แข็งค่าชะลอลง-เกาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ประเมินกรอบ 29.25-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากสิ้นปีนี้อยู่ที่ 30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ชี้ กนง.คงดอกเบี้ย 1.25% รักษาเสถียรภาพการเงิน
นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า แต่การแข็งค่าจะชะลอตัวลง โดยกรอบแข็งค่าในปีนี้อยู่ที่ 2 บาท แต่ในปี 2563 กรอบการเคลื่อนไหวจะแคบลงอยู่ที่ 1 บาท โดยมองกรอบสิ้นปีนี้อยู่ 30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ และในปี 2563 กรอบอยู่ที่ 29.25-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยในไตรมาสที่ 1 ไม่น่าจะหลุดกรอบ 29.70 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ มองว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับค่าเงินในภูมิภาคมากขึ้น และเห็นอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินในบางสกุล อย่างไรก็ดี ไทยยังมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ยังสูง แม้จะเกินดุลชะลอลง โดยเกินดุลประมาณเดือนละ 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้งปีคาดว่าจะเกินดุลประมาณ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งมาจากการค้าโลกชะลอส่งออกหดตัว โดยธนาคารมองว่าปี 2563 การส่งออกจะเป็นบวกได้ 1.5% จากปีนี้ติดลบ 2.5% ส่วนการนำเข้าของไทยยังหดตัวสูง เพราะผู้ส่งออกชะลอการนำเข้าวัตถุดิบ เนื่องจากไม่สต็อกสินค้า ขณะที่การลงทุนของไทยยังต่ำ ด้านภาคการท่องเที่ยวยังทำได้ดีมีเงินเข้าประเทศต่อเนื่อง
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ขณะที่ ปัจจัยเงินทุนเคลื่อนย้ายในปี 2563 จะเห็นโอกาสไหลเข้าสุทธิ จากปีนี้ที่เป็นการขายสุทธิ เนื่องจากไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งเป็นบวกมากขึ้น ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง จึงยังเป็น จะเห็นหลักที่มีผลต่อค่าเงินยังอยู่ที่ปัจจัยในต่างประเทศและFund Flow ที่จะไหลเขัามาไทยเป็นสำคัญ เนื่องจากในภาพรวมเศรษฐกิจประเทศใน Emerging Market ยังแข็งแรง จึงเป็นเป้าหมายการไหลเข้าของเคลื่อนทุนเคลื่อนย้าย
ส่วนการประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่าการประชุมในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ 1.25% เนื่องจากยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวต่ำ และต้องการรักษาเสถียรภาพระยะยาว โดยธนาคารคาดว่าปีนี้จะเติบโตเพียง 2.4% และปี 2563 จะขยายตัวได้ 2.5% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงดอกเบี้ยเพื่อรอดูผลจากการลดดอกเบี้ยไป 3 ครั้งก่อนหน้า แต่ก็มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยได้ในปี 2563 ได้ เนื่องจากมีแรงกดดันด้านการเลือกตั้ง
“เงินดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่าลง จากการคาดการณ์ว่าสหรัฐอาจลดดอกเบี้ยลงอีก และความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐ ขณะที่เศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเงินบาทแข็งค่าในอัตราที่ชะลอลงมากเมื่อเทียบกับปี 62”