นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ม.ค.-มี.ค.63) ปรับตัวลดลง 8.17% ต่ำสุดในรอบ 3 ปีมาอยู่ที่ระดับ 80.75 โดยปัจจัยความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุดคือ ความคาดหวังนโยบายภาครัฐ รองลงมาคือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่นักลงทุนยังกังวลความขัดแย้งระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ทางการเมือง สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจจากผลเจรจาทางการค้าภายหลังข้อตกลงทางการค้าเฟส 1 เป็นไปด้วยดี และแนวโน้มการเจรจาข้อตกลงทางการค้าในเฟส 2
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ทิศทางของ Brexit ที่มีแนวโน้มให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปแบบได้ข้อตกลงทันเส้นตายภายหลังการเลือกตั้ง ทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและอียูที่แนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในปี 2563 ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลปี 2563 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการส่งออกจากค่าเงินบาทแข็งค่าที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ และนโยบายทางการเงินของแบงก์ชาติ ในปี 2563 เป็นปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม
โดยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ลดลงมาอยู่ใน Zone ซบเซา (Bearish) ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศลดลงมาอยู่ใน Zone ซบเซา (Bearish) ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral) ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนรายบุคคลเพิ่มขึ้นอยู่ใน Zone ซบเซา (Bearish)
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดการแพทย์ (HELTH) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK) ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายภาครัฐ ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ