‘บลจ.แอสเซท พลัส’ ออกโปรยกเว้นค่าฟีขาย-สับเปลี่ยนกองทุน ตั้งแต่วันนี้ – 10 เม.ย.63

บลจ.แอสเซท พลัส ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมขายและสับเปลี่ยนเข้า 9 กองทุนเด่น ในกองทุนรวมหุ้นไทย-กองทุนรวมต่างประเทศ-กองทุนรวมผสมทั้งในและต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 10 เม.ย.63 หนุนนักลงทุนซื้อขายในช่วงวิกฤตไวรัส-ตลาดผันผวน

นายคมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลก สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดที่รวดเร็วและยอดของผู้ติดเชื้อมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกโดยดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวลดลงติดต่อกันต่อเนื่อง

โดยทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุวิกฤตินักลงทุนมักจะนำไปเปรียบกับเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาอย่างวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ เมื่อปี 2551 แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วพบว่าวิกฤติเมื่อปี 2551 นั้นเกิดจากภาคการเงินและภาคเครดิตเป็นผลมาจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (Mortgage Backed Securities – MBS) ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนั้นทำให้ธนาคารได้ลดกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อลงนำเป็นสู่คุณภาพสินเชื่อที่ต่ำลงและก่อให้เกิดหนี้เสีย (NPL) เป็นจำนวนมากและลุกลามนำไปสู่วิกฤติทางการเงินและเศรษฐกิจทั่วโลกในท้ายที่สุด

“สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผมมองว่า เกิดจากวิกฤติความเชื่อมั่น (Confident Crisis) ที่เกิดจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ครั้งก่อนๆ แต่จะสามารถนำไปสู่วิกฤติการเงิน (Financial Crisis) ได้เหมือนในอดีตหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับมาตรการในการจัดการการแพร่ระบาด รวมถึงกลไกของรัฐที่จะเข้ามาช่วยจัดการผ่านนโยบายทางการเงินและการคลัง ซึ่งผมแนะนำให้จับตาดูสัญญาณเหล่านี้ว่าหากเกิดขึ้นได้รวดเร็วเท่าไหร่ ก็จะส่งผลให้ตลาดฟื้นตัวและนักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง” นายคมสัน กล่าว

โดยกลไกจัดการของรัฐ ได้แก่ 1. เรื่องมาตรการควบคุมโรค ประกอบไปด้วยมาตรการยุติการเคลื่อนไหวของคน (Stay at Home) เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัส ซึ่งมีหลายประเทศที่เริ่มใช้มาตรการดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้น รวมทั้งศักยภาพในการตรวจหาโรค ซึ่งในตอนนี้ในหลายบริษัทก็พยายามคิดค้นวิธีการตรวจที่แม่นยำรวดเร็วและที่สำคัญที่สุดคือประชาชนจะต้องเข้าถึงได้โดยง่ายและสามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อได้เร็วขึ้นเพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา

2. สัญญาณจากการที่ยอดผู้ที่ติดเชื้อทั้งโลกรายวันที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่ายอดผู้ที่รักษาหายซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าสาธารณสุขแต่ละประเทศสามารถควบคุมโรคระบาดนี้ได้

3. บรรยากาศ (sentiment) ของตลาดที่ตอบรับข่าวต่อข่าวร้าย ถ้าตลาดไม่ปรับตัวลดลงเพิ่มเติมเมื่อมีข่าวร้ายนั่นจะเป็นตัวสะท้อนที่ดีว่าตลาดรับรู้ข่าวร้ายไปหมดแล้ว

นายคมสัน กล่าวว่า จากข้อสังเกตข้างต้น เราได้เห็นตัวอย่างประเทศที่ดำเนินนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดคงนี้ไม่พ้นประเทศจีน ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการพบผู้ติดเชื่อเพิ่มเติม และยอดผู้ที่รักษาหายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกรมควบคุมของโรคระบาด รวมทั้งสภาพตลาดและเศรษฐกิจมีแนวโน้มการฟื้นตัวขึ้น หลังได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนที่ตอบรับต่อนโยบายการเงินและการคลังได้เป็นอย่างดี และคาดว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้ หากหลายๆ ประเทศเริ่มดำเนินการตามมาตรการที่เข้มข้นจะส่งผลให้ตลาดกลับมาฟื้นตัว

ทั้งนี้ หากเราพิจารณาถึงมูลค่าพื้นฐานของหุ้นทั่วโลกโดยอ้างอิงจากดัชนี “MSCI All Country” พบว่า ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 13.45 เท่า และอยู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีประมาณ 16.50% (ที่มา: บลูมเบิร์ก ณ วันที่ 23 มี.ค.63) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี หลังจากเกิดวิกฤตซับไพรม์ ซึ่ง บลจ.แอสเซท พลัส มองว่าจะเริ่มเห็นจังหวะการเข้าลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าว

โดย บลจ.แอสเซท พลัส เอื้อประโยชน์การลงทุนให้แก่นักลงทุน โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมขายและสับเปลี่ยนเข้า 9 กองทุนเด่น ได้แก่ กองทุนรวมหุ้นไทย ASP-SME กองทุนรวมต่างประเทศ ASP-DISRUPT, ASP-EVOCHINA, ASP-INDIA, ASP-ROBOT, ASP-VIET และASP-IHEALTH กองทุนรวมผสมทั้งในและต่างประเทศ ASP-AAA และ ASP-PROPIN ระหว่างวันที่ วันนี้ – 10 เม.ย.63

ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุนเด่นดังกล่าว ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกเพียง 5,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ บลจ.แอสเซท พลัส ติดต่อ Asset Plus Customer Care 0 2672 1111 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.assetfund.co.th หรือติดต่อผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ บลจ.แอสเซท พลัส