ลุ้นหุ้นพลังงานฟื้นเดือนพ.ค.ช่วยฉุด SET-“ขาใหญ่” ระวังลงทุน

วัชระ แก้วสว่าง

โบรกฯลุ้นหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นเดือน พ.ค. ช่วยฉุดดัชนี SET “บล.กสิกรไทย” คาดระยะสั้นแรงเก็งกำไรลดลง ชี้กลุ่มโรงกลั่นแจ้งผลประกอบการสัปดาห์นี้-คาดกำไรสุทธิฮวบจากผลขาดทุนสต๊อก ฟาก “บล.ยูโอบีฯ” จับตา “PTTEP” ลดงบฯลงทุนส่อฉุดกำไร “ปตท.” ด้านกองทุน “พรินซิเพิล” ให้น้ำหนักลงทุนหุ้นพลังงานน้อยกว่าตลาด ขณะที่ “เสี่ยป๋อง” ระบุช่วงนี้ไม่กล้าทุ่มลงทุนหุ้นพลังงาน เน้นเล่นสั้นตามกราฟเทคนิคไปก่อน

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า กระแสข่าวการเลื่อนแผนลงทุนและลดกำลังการผลิตของกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) ล่าสุด ไม่ได้เป็นเซอร์ไพรส์ใหม่ โดยการลดกำลังการผลิตโรงกลั่นเป็นไปตามเทรนด์ของโลก ซึ่งปัจจุบันสหรัฐก็ปรับลดกำลังการผลิตลงเช่นกัน ทั้งนี้ เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วว่า ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. การผลิตน้ำมันดิบในระยะสั้นจะลดลงประมาณ 20% ทั่วโลก

ขณะเดียวกันสัญญาณการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงปลายเดือน พ.ค. โดยราคาน้ำมันดิบมีโอกาสจะเปลี่ยนทิศทางจากขาลงมาเป็นไซด์เวย์ได้ รวมถึงจากสัญญา WTI ในอนาคตสะท้อนว่า ตลาดคาดว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสฟื้นตัว โดยหวังว่าโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตลงอีกถึงระดับ 20 ล้านบาร์เรล/วัน

ทั้งนี้ ช่วงสัปดาห์นี้จะเข้าสู่ช่วงรายงานผลประกอบการของกลุ่มพลังงานและธุรกิจเกี่ยวข้อง โดยคาดว่ากำไรสุทธิของหลายบริษัทจะออกมาขาดทุน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น เช่น บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) จากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน (stock loss) และการขาดทุนค่าเงิน (FX loss)

“ในระยะสั้นเราประเมินว่าคนที่เก็งกำไรกลุ่มพลังงานมาบริเวณดัชนีใกล้ ๆ 1,300 จุด จะลดแรงเก็งกำไรลง เพื่อรอดูว่าสุดท้ายแล้วราคาน้ำมันจะฟื้นจริงหรือเปล่า เพราะตอนนี้คนเล่นหุ้นพลังงาน เพราะเก็งกำไรว่าน้ำมันจะฟื้น ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในเดือน พ.ค. หากไม่ฟื้นก็จบรอบ แต่หากฟื้นหุ้นพลังงานก็จะยืนต่อได้” นายสรพลกล่าว

นายสรพลกล่าวด้วยว่า หุ้นกลุ่มพลังงานมีสัดส่วนสูงถึง 25% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap.) โดยส่วนหนึ่งที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET index) ยังไม่ปรับลดลง เนื่องจากได้หุ้นกลุ่มพลังงานมาค้ำเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ในเดือน พ.ค.หากราคาน้ำมันยังไม่ฟื้น นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนกลุ่มอื่นที่ดันหุ้นกลุ่มพลังงานขึ้นมาอาจจะต้องปล่อยของ ซึ่งจะส่งผลกระทบ SET index ให้ไม่สามารถยืนอยู่ที่ระดับปัจจุบันได้ต่อไป

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเลื่อนลงทุนและลดกำลังการผลิตของ ปตท. ไม่มีผลต่อคำแนะนำการลงทุนและราคาเหมาะสมของกลุ่มบริษัทที่ฝ่ายวิจัยได้จัดทำประมาณการเอาไว้ ส่วนกรณี ปตท.ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ ปี 2563 ลงจาก 55-65 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 30-40 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือว่าใกล้เคียงกับสมมติฐานของฝ่ายวิจัย บล.ยูโอบีฯ ที่คาดไว้ 36 ดอลลาร์/บาร์เรล

อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เป็นการประกาศปรับลดงบฯลงทุนของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เป็นส่วนที่อาจมีผลกระทบต่อการปรับประมาณการกำไรของ ปตท.ในปีนี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการปรับลดงบฯลงทุนของ PTTEP ดังกล่าว โดย บล.ยูโอบีฯจะจัดการประชุมนักวิเคราะห์ในสัปดาห์นี้ และจะมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิต่อไป

“กระแสข่าวดังกล่าวไม่ค่อยมีผลต่อคาดการณ์กำไรมากนัก เนื่องจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดประมาณการกำไรสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปล่วงหน้าแล้ว แต่จะมีเรื่องงบฯลงทุนของ PTTEP ที่จะต้องติดตาม” นายกิจพณกล่าว

นายวัชระ แก้วสว่าง (เสี่ยป๋อง) นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันดิบจะปรับลงมามาก แต่พบว่าราคาหุ้นกลุ่มพลังงานกลับไม่ได้ปรับลดลงตาม ซึ่งส่วนตัวยังไม่กล้าเข้าลงทุนในหุ้นพลังงาน เนื่องจากยังไม่ทราบทิศทางผลประกอบการที่จะประกาศออกมา จึงเน้นลงทุนตามกราฟเทคนิคระยะสั้นไปก่อน

“เมืองไทยมาร์เก็ตแคปใหญ่ก็อิงอยู่กับกลุ่มพลังงาน เขาเล่นกลุ่มพลังงานมา เราก็ต้องเล่นตามเขาไป” นายวัชระกล่าว

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรินซิเพิล กล่าวว่า ปัจจุบันให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานน้อยกว่าตลาด (benchmark) เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง


“เรายังไม่มั่นใจว่าหุ้นพลังงานจะโดนกดดันอีกหรือไม่ จึงลดน้ำหนักลงทุนเพื่อติดตาม หากราคาหุ้นปรับลงมากกว่านี้ก็อาจพิจารณาเข้าซื้อ โดยปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่ถูกมาก เมื่อเทียบกับตอนที่ปรับลดลงในช่วงเดือน มี.ค.” นายวินกล่าว