ทายาทรุ่นที่ 3 ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ เส้นทาง ‘ทองคำ’ กับราคาสูงสุดในชีวิต

ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ทายาทรุ่นที่ 3

ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ฮั่วเซ่งเฮง” ธุรกิจทองคำ ที่ขาขึ้นพุ่งสูงสุดในประวัติศาสตร์

ปี 2563 ถือว่าเป็นปีทองของการลงทุน “ทองคำ” เพราะในภาวะที่โลกกำลังตื่นตระหนกการระบาดโรคโควิด-19 เศรษฐกิจโลกที่ถูกล็อกดาวน์ ความปั่นป่วนของปัญหาสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกที่ยังคุกรุ่น

สถานการณ์ที่เลวร้าย ทำให้ “ทองคำ” ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” (safe haven) เป็นหลุมหลบภัยการลงทุน ทำให้ราคาทองปีนี้พุ่งทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ (7 ส.ค. 2563) ที่ระดับ 2,075 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และราคาทองในประเทศก็ทะลุ 3 หมื่นบาท เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ทำให้เกิดปรากฏการณ์คนเข้าคิวขายทองคำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในภาวะแบบนี้ไม่ใช่มีแต่คนขาย เพราะก็มีคนเห็นโอกาสและเข้าลงทุนทองคำมากขึ้นด้วย

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม “บริษัทฮั่วเซ่งเฮง” ทายาทรุ่นที่ 3 ที่เข้ามาดูแลบริหาร “ฮั่วเซ่งเฮง” ผู้ค้าและผู้ส่งออกทองรายใหญ่ของประเทศที่เข้าสู่ปีที่ 70 ถึงโอกาสและความเสี่ยงของธุรกิจทองคำ ในช่วงเวลาที่ราคาขาขึ้นทำสถิติสูงสุด

ในชีวิตไม่เคยเจอผลตอบแทน 40%

“ธนรัชต์” เล่าว่า จากที่ราคาทองคำโลกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ราคาทองในประเทศอยู่ที่ 30,400 บาท เท่ากับว่าตั้งแต่ต้นปีราคาทองบวกขึ้นประมาณ 40% ถือว่าสูงมาก ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตการทำทอง และปัจจุบันก็ไม่มีการลงทุนอะไรที่ให้ผลตอบแทนสูงมากขนาดนี้

นอกจากที่จะเห็นภาพคนเข้าคิวนำทองที่ซื้อเก็บไว้มาขาย ขณะเดียวกันก็ทำให้มีคนสนใจเข้ามาลงทุนในทองคำคึกคักมากขึ้น ช่วงปีนี้มีลูกค้ามาเปิดบัญชีลงทุนทองกับฮั่วเซ่งเฮงเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว ทำให้ปัจจุบันมีนักลงทุนเปิดบัญชีลงทุนทองกับบริษัทกว่า 5 หมื่นบัญชี และจากภาพที่เห็นการที่คนเข้าคิว

ร้านทองมี 2 อย่าง คือ ถ้าเป็นทองรูปพรรณก็จะนำออกมาขาย เพราะนอกจากราคาทองพุ่งสูงแล้ว ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีก็นำออกมาขาย เก็บเงินสดไว้ แต่ในฝั่งทองคำแท่ง วันไหนที่ราคาทองย่อลง ก็จะมีนักลงทุนเข้ามาซื้อ ซึ่งแสดงว่านักลงทุนยังมีมุมมองที่คิดว่าราคาจะไปต่อได้ ก็เข้ามาลงทุน

“แม้ว่าทองคำจะเป็น safe haven แต่จากต้นปีราคาขึ้นมา 40% ก็พูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่า safe หรือเปล่า แต่เมื่อราคาขึ้นมา 40% มันก็มีความเสี่ยง ต้องระวัง”

โจทย์ร้านทอง…ยุคราคาขาขึ้น

ทายาทรุ่นที่ 3 ของฮั่วเซ่งเฮงบอกว่า ช่วงที่ราคาทองขาขึ้นต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือร้านทองต้องเตรียม “เงินสด” ไว้ค่อนข้างเยอะ เพื่อจ่ายให้ลูกค้าที่มาขายทอง ซึ่งเรื่องนี้สำหรับฮั่วเซ่งเฮงไม่มีปัญหา เพราะเงินสดในบัญชี หรือวงเงินสำรองเพียงพอกับธุรกรรมแต่ละวัน

งานหลักอีกเรื่องก็คือ โอเปอเรชั่นในแต่ละวัน เพราะเวลารับซื้อทองเข้ามา ต้องวางแผนจองโรงหลอมต่างประเทศ เพราะช่วงราคาทองพุ่ง มีคนแห่นำทองออกมาขาย เราจะต้องส่งออกทองทุกวัน เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่อง ซึ่งในช่วงโควิด-19 ทำให้การทำงานยากมากขึ้น เพราะการจัดหาไฟลต์บินค่อนข้างยาก และค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่โรงหลอมทองก็จะอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

รักษาจุดแข็ง “วันที่ขายต้องได้เงิน”

“ธนรัชต์” กล่าวว่า จุดแข็งของฮั่วเซ่งเฮงที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง คือ “วันที่ลูกค้ามาซื้อทอง ต้องได้ทอง วันที่ลูกค้ามาขายทอง ต้องได้เงิน” ซึ่งที่ร้านก็พยายามรักษาจุดขายนี้ไว้ให้ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีบางกรณีที่ต้องจ่ายเป็นเช็คเงินสดล่วงหน้าให้ลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับซื้อทองคำจากร้านค้าทองรายย่อยที่ขนทองคำใส่กระบะมาขายในปริมาณมาก เพราะในช่วงที่ราคาทองคำปรับขึ้นเช่นนี้ ร้านทองต่างจังหวัดก็มีการนำทองในสต๊อกออกมาขายเพื่อถือเงินสด เขาก็เหมือนนักลงทุนรายหนึ่งที่อยากเอาของออกมาขาย ส่วนลูกค้าที่เป็นนักลงทุนทองคำแท่งปัจจุบันก็ทำระบบโอนเงินอัตโนมัติหมดแล้ว ก็ค่อนข้างสะดวก

เส้นทางส่งออก “ทองคำ”

“ธนรัชต์” เล่าว่า ช่วงที่ราคาทองโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนว่าในตลาดโลกมีคนซื้อมากกว่าคนขาย ถึงแม้บ้านเราจะเป็นฝั่งขาย ซึ่งทางร้านตอนนี้ก็จะส่งทองไปโรงหลอมต่างประเทศ เพราะจะเป็นมาตรฐานโลกทั้งคุณภาพกับเปอร์เซ็นต์ทอง ทำให้สามารถซื้อขายกันได้ทั่วโลก และเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงหลอมระดับโลก เพราะซื้อขายกันมานาน มีความเชื่อมั่นเรื่องคุณภาพเปอร์เซ็นต์ทอง ก็ช่วยให้ได้เงินเร็วกว่าเจ้าอื่น

“แต่ช่วงโควิดก็มีปัญหาโรงหลอมเดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด สื่อสารกันลำบาก ซึ่งต้องนึกภาพว่าโรงหลอมในบางประเทศเป็นภูเขา ก็สนุกดี ปีนี้ได้ประสบการณ์มาก ซึ่งตอนนี้เราส่งออกทองคำทุกวัน ตั้งแต่เป็นหลัก 100 กิโลกรัม ถึง 1 ตัน แล้วแต่ช่วง”

โดยตามเส้นทางทองคำ หลังจากที่โรงสกัดออกมาเป็นทองแท่งแล้วก็ส่งไปให้ผู้ซื้อทั่วโลก ซึ่งปีนี้ผู้ซื้อหลักก็เป็นกองทุน ETF ที่จะมาเอาทองไปเก็บไว้

“ราคาขึ้น” ร้านทองไม่ได้มาร์จิ้นเพิ่ม

“ธนรัชต์” อธิบายว่า แม้ว่าในช่วงที่ราคาทองสูงขึ้น กำไรหรือมาร์จิ้นของร้านทองก็อยู่เท่าเดิม แต่ที่ได้เป็นเรื่อง “วอลุ่ม” มากกว่า และในช่วงโควิด-19 ระบาด ต้นทุนยิ่งสูงขึ้น เนื่องจากเรื่องการขนส่งที่มีกระบวนการมากขึ้น และต้นทุนขนส่งทางอากาศก็แพงขึ้น เพราะเที่ยวบินก็น้อยลง เมื่อเราจะบินก็ต้องมีวอลุ่มที่มากพอ จะให้จัดบินคาร์โก้

“ปัจจุบันต้องบอกว่า ร้านค้าทองแข่งขันค่อนข้างสูง มาร์จิ้นก็น้อยลง สมัยก่อนมาซื้อทองคำแท่งส่วนต่าง 100 บาท แต่ตอนนี้เราปรับมาร์จิ้นลงเหลือ 40 บาท ถ้าลูกค้าซื้อ 20,000 บาท ขายก็แค่ 20,040 บาท ดังนั้น ผมจึงมาเพิ่มเรื่องเทคโนโลยีเพื่อช่วยเพิ่มวอลุ่ม ที่จะเข้ามาทดแทนส่วนของมาร์จิ้นที่น้อยลง ก็เป็นสิ่งที่ต้องแข่งขันและสู้ไป”

ขณะที่ปกติร้านทองต่างประเทศ ถ้าลูกค้าซื้อทองแล้วฝากไว้ที่ร้าน ก็ต้องคิดค่าฝากเป็น custodian fee แต่เมืองไทยลูกค้าลงทุนทองแล้วฝากกับร้าน ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ดังนั้น ช่วงนี้เมื่อลูกค้าเทรดเยอะขึ้น ทองฝากกับร้านเยอะขึ้น ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพราะร้านต้องทำประกันทองพวกนี้ไว้ด้วย ก็ยิ่งทำให้มาร์จิ้นน้อยลง แต่เราก็ต้องไปแข่งกับตัวเองเพื่อที่จะเอาวอลุ่ม

ขายทองที่ไหนได้ราคาดีที่สุด

“ธนรัชต์” กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าซื้อและขายกับร้านทองรายใหญ่จะได้ราคาดีที่สุด เนื่องจากทองคำแต่ละร้านจะมีความบริสุทธิ์และเปอร์เซ็นต์ทองคำไม่เท่ากัน เช่น ทองคำ 1 บาท ต้องมีน้ำหนักอย่างน้อย 15.16 กรัม และต้องมีความบริสุทธิ์อย่างน้อย 96.5% แม้ทองคำบางร้านจะตอกสัญลักษณ์ 1 บาทเหมือนกัน แต่เวลาตรวจเปอร์เซ็นต์ทองคำ อาจต่ำกว่า 96.5% หรือน้ำหนักอาจไม่ถึง

ธนรัชต์ พสวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ทายาทรุ่นที่ 3“ถ้าลูกค้าเอาทองร้านเล็กมาขาย เราต้องตรวจละเอียด เมื่อน้ำหนักไม่ถึง เปอร์เซ็นต์ทองไม่ถึง เราก็ต้องหักราคาคนซื้อ มองด้วยตาเปล่าจะไม่รู้สึก แต่ร้านทองรับซื้อเรารู้ เวลาที่เราเอาไปหล่อเป็นทองแท่ง เราก็ต้องเติมทองคำเข้าไปอีก”

ขณะที่จะสังเกตว่าร้านทองบางแห่งไม่มีคิวเลย เพราะลูกค้าจะเลือกขายกับร้านทองรายใหญ่ เพราะมีความเชื่อมั่นจากรุ่นก่อน ๆ รวมถึงสภาพคล่องที่ร้านใหญ่รองรับได้ดีกว่า รวมถึงปัจจุบันร้านทองต่างจังหวัดสภาพคล่องเริ่มตัน ไม่มีเงินรับซื้อ ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าต่างจังหวัดเดินทางมาขายทองในกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากเสียโอกาสในช่วงที่ราคาทองเป็นขาขึ้น

เทรนด์ราคาทองเมื่อโควิดยังไม่สิ้นสุด

เมื่อถามถึงเทรนด์ราคาทองคำจากนี้ “ธนรัชต์” ยอมรับว่า ประเมินลำบาก เนื่องจากคาดการณ์ยากว่าในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เช่น ถ้ามีวัคซีนโควิด-19 หรือเกิดการเทขายทำกำไร หลังจากที่มีการซื้อไล่ราคามาเรื่อย ๆ ทำให้ราคาทองอาจย่อลง อย่างปีนี้กองทุน ETF เป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลก เรียกว่าราคาทองคำปีนี้ปรับขึ้นมาจากกองทุน ETF ดังนั้น ในวันที่กองทุน ETF ขาย นักลงทุนก็อาจจะต้องขายทำกำไรตามด้วย

แม้ว่าราคาทองจะย่อตัวลงบ้าง แต่เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดี เพราะยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของโควิด-19 ธนาคารกลางทั่วโลกยังมีมาตรการอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบ ขณะที่ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนก็จุดชนวนเพิ่มเข้าไปอีก ดังนั้น ภาพระยะยาวตอนนี้ก็ยังมองว่า ราคาทองก็ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นแต่ก็จะมีความผันผวนเป็นระยะ ๆ