SET เตรียมดัน ESG จุดขายใหม่ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหลักทรัพย์ไทยฯ กระตุ้นบริษัทจดทะเบียนมุ่งสู่ความยั่งยืน สร้าง “จุดขาย” ใหม่ในตลาดหุ้นไทย เร่งวางเกณฑ์ ESG ดึงนักลงทุนทั่วโลกลงทุนบริษัทไทย จับมือ 2 บริษัทจัดอับดับความน่าเชื่อถือ “Arabesque S-Ray และ Vigeo Eiris” ผู้ประเมิน ESG ระดับสากล วัด “มูลค่า” ปรับข้อมูลให้จับต้องได้

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันบริษัทในตลาดหุ้นไทยจะถูกมองว่าไม่เซ็กซี่ เนื่องจากไม่มีบริษัทเทคโนโลยีเข้ามาจดทะเบียนมากนัก แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่ายังมีบริษัทไทยที่มีศักยภาพสูง ที่ปรับตัวเข้ากับ New Normal ได้ดี เช่น ธุรกิจ Healthcare และ Food รวมไปถึงธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ซึ่งจะเป็น “จุดขาย” ของตลาดหุ้นไทยในอนาคตได้

ดังนั้นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเร่งดำเนินการ คือ การวางเกณฑ์(Criteria) เรื่องความยั่งยืนเพื่อโปรโมทและให้ข้อมูล บลจ.หรือนักลงทุนสถาบันทั่วโลกนำไปวิเคราะห์เพื่อเข้ามาลงทุนในบริษัทไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันพยายามผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนไทยขนาดกลางและขนาดเล็กให้ความสนใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้นด้วย จากปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทยขนาดใหญ่มากกว่า 58 บริษัท จัดอยู่ในดัชนีความยั่งยืนไทย(SETTHSI) และมีกองทุนรวมมากกว่า 20 แห่งที่เข้าไปลงทุน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(NAV) รวมกว่า 25,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินการไปแล้วคือการเข้าร่วมกับ 2 บริษัทจัดอับดับความน่าเชื่อถือ(Rating Agency) เรื่อง ESG ระดับสากลอย่าง Arabesque S-Ray และ Vigeo Eiris ที่จะประเมินข้อมูล ESG ของบริษัทในโลกมาวิเคราะห์ต่อว่า “มูลค่า” ในการทำกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับ ESG มีมูลค่าเพิ่มอย่างไร โดยที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวมาไว้ในแพลตฟอร์ม Settrade ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อปรับข้อมูลให้จับต้องได้ คือเปลี่ยนจากข้อมูลเชิงคุณภาพมาเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ ให้สามารถประเมินได้ง่าย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับบริษัทจดทะเบียน

ขณะที่นักลงทุน แม้ว่าในอดีตจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับตัวเลขทางการเงิน นโยบายจ่ายปันผล โดยไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ระหว่างนักลงทุนรายย่อยกับเรื่องเกี่ยวกับ ESG แต่หลังจากช่วงโควิดไม่น่าเชื่อว่าข้อมูลสถิติเริ่มเห็นนักลงทุนรายย่อยหันมาให้ความสนใจเรื่อง ESG มากขึ้นหมือนนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ