RBF รับอานิสงส์ส่งออกขยายตัว-ออเดอร์เพิ่ม ดันยอดขายปีนี้เติบ 12%

อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย RBF

‘อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย’ รับอานิสงค์ส่งออกขยายตัว-ลูกค้าออเดอร์เพิ่ม ช่วยดันเป้ายอดขายปี 2564 เติบโตไม่ต่ำกว่าปี 2563 ที่ 10-12% ฝ่ากระแสวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ พร้อมเดินหน้ารขยายตลาดอาเซียนหวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ขึ้นเป็น 20-25% ภายใน 3-5 ปี

พ.ท.พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการบริษัท บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะเกิดวิฤกตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ แต่บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปี 2563 โดยมีปัจจัยบวกจากการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน เนื่องจากเป็นฐานของครัวโลก

รวมถึงปัจจัยบวกจากที่ลูกค้าของบริษัทฯ มีการลงทุนเพิ่ม ทั้งจำนวนรายการสินค้าและผลิตสินค้าใหม่ที่มากขึ้น เพื่อทำตลาดในประเทศและส่งออกต่างประเทศ และปัจจัยบวกสุดท้ายจากกำลังซื้อในประเทศที่บริษัทฯ ประเมินว่าเป็นปีของผู้ซื้อ เนื่องจากอั้นการจับจ่ายมาจากปี 2563 ที่ผ่านมา

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายตลาดและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงมุ่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ผู้บริโภคปัจจุบัน ทำให้มีออเดอร์ใหม่จากลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้ นอกจากจะเน้นขยายฐานตลาดในกลุ่มสินค้าเพื่อสุภาพแล้ว ในปีนี้บริษัทฯ ยังจะเน้นกลุ่มสินค้าอาหารสัตว์ด้วย เพราะเป็นตลาดที่กำลังเติบโตสูงจากจำนวนคนที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น

“แม้จะมีโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่บริษัทฯ ยังมีออเดอร์เข้ามาเป็นปกติ โดยลูกค้าหันมาทำตลาดเพื่อสุขภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ของคนรักสุขภาพปัจจุบัน โดยเห็นได้จากที่กลุ่มวิตามินเข้ามาแล้วทำให้ตลาดสุขภาพเติบโตสูง” พ.ท.พญ.จัณจิดา กล่าว

ด้าน นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน RBF กล่าวว่า ด้านภาพรวมของตลาดต่างประเทศในปี 2564 เชื่อว่าจะยังเติบโตดีต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งตลาดในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวถือเป็นผู้ส่งออกอาหาร โดยมีขนาดตลาดที่ใหญ่ จึงมีความต้องการผลิตภัณฑ์วัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มเกล็ดขนมปัง แป้งและซอส (Food Coating) รวมถึงวัตถุแต่งรสและกลิ่น ดั้งนั้น เฉพาะในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม บริษัทฯ จะเติบโตค่อนข้างมาก

ส่วนในประเทศสิงคโปร์ซึ่งบริษัทฯ ประกอบธุรกิจอยู่นั้น ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มปรับตัวดีขึ้น และเริ่ม มีการฉีดวัคซีนแล้ว น่าจะส่งผลห้ธุรกิจของบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นพอสมควร รวมถึงคาดว่าจะช่วยทำให้รายได้โดยรวมดีขึ้นอีก

ด้านแผนการทำตลาดในต่างประเทศ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ด้วยการจะเข้าไปลงทุนโรงงานผลิตแป้งและซอส รวมถึงวัตถุแต่งรสและกลิ่น โดยเฉพาะที่เมืองซูราบายาป ระเทศอินโดนีเซีย มูลค่าลงทุนรวม 200-250 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลในการลงทุนสร้างโรงงาน และรอดูสถานการณ์โควิด-19 ให้ผ่อนคลายลงก่อน ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

สำหรับเป้าหมายยอดขายในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา หรือ 10-12% โดยเป็นการเติบโตจากตลาดในประเทศ 85% และตลาดต่างประเทศ 15% โดยกลุ่มสินค้าที่ยังเติบโตได้ดีในปีนี้ยังเป็นกลุ่มวัตถุแต่งรสและกลิ่น กลุ่มเกล็ดขนมปัง แป้งและซอส ในสัดส่วนที่เท่ากัน 50:50 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัทฯ รุกขยายฐานตลาดต่างประเทศมากขึ้น เชื่อว่าภายใน 3-5 ปียอดขายจากต่างประเทศจะมีสัดเพิ่มขึ้นเป็น 20-25% แน่นอน