เทียบฟอร์ม-จุดแข็ง TIDLOR กับคู่แข่งก่อนจองหุ้นไอพีโอ

เมย์แบงก์ฯ เทียบฟอร์ม “TIDLOR -MTC และ SAWAD” ก่อนตัดสินใจจองหุ้นไอพีโอ “เงินติดล้อ” 22-26เม.ย.นี้ ชี้จุดแข็งผู้นำธุรกิจ จำนำทะเบียนรถยนต์และรถขนาดใหญ่ แถมเป็นบริษัทลูกแบงก์ช่วยเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ

วันที่ 21 เมษายน 2564 นายเจษฎา เตชะหัสดิน นักวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจการเงิน บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากที่บมจ.เงินติดล้อ(TIDLOR) เตรียมเปิดให้รายย่อยจองหุ้นไอพีโอระหว่างวันที่ 22-26 เม.ย.นี้ ทางเมย์แบงก์ฯแนะนำจองซื้อหุ้นจากเหตุผลหลักๆ คือ กำไรของเงินติดล้อน่าจะเติบโตได้ระดับ 20-30% จากรายได้ธุรกิจหลักทั้งสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและนายหน้าประกันภัย โดยในส่วนธุรกิจสินเชื่อจะมีเติบโตราว 15-20% ตามอุตสาหกรรมฯ แต่ธุรกิจนายหน้าประกันภัยจะเติบโตแรงกว่า อาจจะเติบโตได้ระดับ 30-40%

ระดมทุนขยายสาขา-พัฒนาแพลตฟอร์ม

สำหรับเงินที่ได้จากการะดมทุนไอพีโอ จะนำไปขยายสาขา ซึ่งเงินติดล้อตั้งเป้าจะขยายสาขาทั้งหมด 500 สาขาภายใน 3 ปี และใช้เงินพัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ซึ่งประเมินว่าส่วนแบ่งทางการตลาดน่าจะเพิ่มขึ้นทั้งขาสินเชื่อจำนำทะเบียน และนายหน้าประกันภัย อีกทั้งแบรนด์ค่อนข้างแข็งแกร่ง มีความน่าเชื่อถือเพราะเป็นบริษัทลูกของธนาคารกรุงศรีฯ

“เรามองว่าขารายได้ทั้งสองธุรกิจจะโตเร็วกว่าค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลง ส่งผลทำให้กำไรดีขึ้น” นายเจษฎากล่าว

ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ของเงินติดล้อค่อนข้างแข็งแกร่ง ถ้าประเมินระดับสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ก็เพียงพอ หรือสูงประมาณ 3 เท่า เพราะฉะนั้นแม้ว่าราคาจะดูเหมือนพรีเมียม แต่ถ้ามองไปในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้ามีโอกาสเติบโตที่ดี

“ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ พิสูจน์แล้วว่าให้อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) สูงกว่าธุรกิจลีสซิ่งแบบปกติ ไม่ว่าจะเป็นสมหวังของธนาคารทิสโก้ พี่เบิ้มของเคทีซี มีแทร็กเรคคอร์ด กำไรค่อนข้างดี” นายเจษฎากล่าว

TIDLOR ผู้นำ “จำนำทะเบียนรถยนต์”

นายเจษฎากล่าวต่อว่า ถ้าเปรียบเทียบคู่แข่ง บมจ.เงินติดล้อ(TIDLOR) อย่างบมจ.เมืองไทยแคปปิตอล(MTC) และ บมจ.ศรีสวัสดิ์(SAWAD) ปัจจุบันทั้งสองบริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)อยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท และ 1.2 แสนล้านบาท (ตามลำดับ) ขณะที่เงินติดล้อมีมาร์เก็ตแคปประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท (ณ ราคาไอพีโอ)

ถ้าแกะงบการเงินและประเมินลักษณะธุรกิจของ 3 บริษัทนี้จะมีความแตกต่างกันคือ

1. “เงินติดล้อ” เป็นผู้นำตลาดจำนำทะเบียนรถยนต์ใหญ่สุด ใหญ่กว่า MTC และ SAWAD และยังมีพอร์ตจำนำทะเบียนรถบรรทุก ซึ่งทาง MTC และ SAWAD ไม่ได้ทำ จึงทำให้ TIDLOR เป็นเจ้าตลาด

2. “เมืองไทยแคปปิตอล” พอร์ตจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่สุด ทิ้งห่างทั้ง TIDLOR และ SAWAD

3. “ศรีสวัสดิ์” คือพอร์ตจำนำโฉนดที่ดินใหญ่สุด

ทั้ง 3 บริษัทมีจุดแข็งที่แตกต่างกันชัดเจน นอกจากนี้ TIDLOR ยังมีรายได้ที่แข็งแกร่งจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์มต่อเนื่อง ในแอปพลิเคชั่น สามารถซื้อประกันได้มากถึง 16 บริษัทประกันภัย ซึ่งรายได้นายหน้าประกันภัยของเงินติดล้อติด 10 อันดับแรกในอุตสาหกรรมนายหน้าประกันภัยไทย ซึ่งเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คนจะรู้จักมากขึ้นยิ่งหนุนการเติบโตต่อเนื่อง

จุดแข็งบริษัทลูกแบงก์

นอกจากนี้จากการที่ TIDLOR เป็นบริษัทลูกแบงก์(ธนาคารกรุงศรีอยุธยา) มีการพัฒนาระบบไอทีมาโดยตลอดและมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นคือ “บัตรกดเงินสด” ซึ่งจุดเด่นคือเมื่อลูกค้าเงินติดล้อต้องการใช้เงิน สามารถกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มแบงก์ไหนก็ได้ ไม่ต้องไปที่สาขา

รวมทั้งจากที่ TIDLOR เป็นบริษัทลูกของธนาคารกรุงศรีฯ ทำให้ได้เปรียบในแง่ของความแข็งแกร่ง ส่งผลให้ TIDLOR ได้รับการจัดอันดับจากทริสเรทติ้งอยู่ที่ A- ซึ่งสูงกว่า MTC และ SAWAD ที่อยู่ BBB+ ซึ่งช่วยให้ต้นทุนทางการเงิน(Funding Cost) เวลาออกหุ้นกู้ถูกกว่า

และคุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR จะค่อนข้างแข็งแกร่ง ถ้าดูจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ทาง MTC จะต่ำที่สุด TIDLOR เบอร์สอง และ SAWAD จะสูงสุด

สรุปวิธีจองหุ้น TIDLOR

สำหรับวิธีการจองหุ้นเงินติดล้อ ซึ่งกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์และใช้วิธีการจัดสรรหุ้นแบบ Small Lot First

– เริ่มเปิดจองแบบออนไลน์ 22-26 เมษายน 2564 โดยจะเริ่มในเวลา 09.00 ของวันที่ 22 เมษายน และสิ้นสุดในวันที่ 26 เมษายน เวลา 16.00 น.

– จองผ่านช่องทางออนไลน์ 2 ธนาคารหลักคือ 1.ธนาคารกสิกรไทย ผ่านK-My Invest เว็บไซต์ https://www.kasikornbank.com/kmyinvest และ 2.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผ่าน Krungsri Mobile Application (KMA) หมายเหตุ: มีบัญชีพอร์ตหุ้นกับโบรกเกอร์ไหนก็ได้ แต่เวลาชำระเงินค่าซื้อต้องมีบัญชีกับทาง 2 ธนาคารคือ กสิกรไทยและกรุงศรีอยุธยา

– ขั้นต่ำในการจองซื้อ 1,000 หุ้น หุ้นละ 36.50 บาทที่ราคาสูงสุด (ใช้เงินซื้อขั้นต่ำ 36,500 บาท) จองทวีคูณได้ครั้งละ 100 หุ้น

– สัดส่วนการเสนอขายหุ้นของผู้จองซื้อรายย่อยอยู่ที่ 46.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.1%

– เงินติดล้อแจ้งว่าอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 136,114,200 หุ้น (ไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด) กรณีมีการจองซื้อเยอะเกินความต้องการ

– จัดสรรหุ้นแบบ Small Lot First จัดสรรรอบแรกให้ผู้จองซื้อรายละ 1,000 หุ้นและจัดสรรรอบต่อไปรอบละ 100 หุ้น จนกว่าหุ้นจะหมด

– ประกาศผลการจัดสรรหุ้นและรายชื่อสำหรับรายย่อยในวันที่ 28 เมษายน 2564 ช่วง 9 โมงเช้าผ่านทาง https://www.settrade.com/

– ซื้อขายวันแรกวันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564