กำไรบริษัทจดทะเบียน Q1 แตะ 2.57 แสนล. โต 229% “พลังงาน” เด่นสุด

ตลาดหลักทรัพย์ฯ SET

ตลาดหลักทรัพย์ (SET) เผยรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในตลาดหุ้นไทย ไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 2.57 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.81% หุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ เด่นสุดรับราคาน้ำมันโลกพุ่ง บจ.ปรับตัวรับมือโควิด-19 ได้ดีขึ้น ฟากบริษัทในตลาด mai มีกำไรสุทธิ 2.51 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 601.3%

แมนพงศ์ เสนาณรงค์
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ (แฟ้มภาพ)

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนไทย(บจ.)จำนวน 727 บริษัท คิดเป็น 96.2% จากทั้งหมด 756 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ บจ.ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) ได้นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.64) ซึ่งพบว่ามีรายงานกำไรสุทธิ 549 บริษัท คิดเป็น 75.5% ของ บจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

โดยในไตรมาส 1/64 บจ.มียอดขายรวม 2,937,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) ที่ 394,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.92% และกำไรสุทธิ 257,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.81%

1.มวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy & Utilities) โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์(Petrochemicals & Chemicals) มีรายได้ กำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยได้อานิสงค์จากการที่กลุ่มประเทศ OPEC ลดกำลังการผลิต ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมัน และค่าการกลั่นน้ำมันปรับสูงขึ้น

2.หมวดธุรกิจอื่นๆ แม้ยอดขายทรงตัวจากโควิด-19 แต่มีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนการผลิตและการจัดการ จึงส่งผลทำให้ทั้งกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิ ปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับฐานะการเงินของกิจการ สิ้นไตรมาส 1/64 บจ.ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน อยู่ระดับคงที่ ที่ 1.53 เท่า

“ไตรมาสแรกปีนี้สถานการณ์ของราคาน้ำมันปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มีกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ที่มีภาวะสงครามราคาน้ำมัน

นอกจากนี้สำหรับ บจ.อื่นๆ ที่มีผลประกอบการดีและมีกำไรปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่หมวดธุรกิจการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับยางพาราและน้ำมันปาล์ม หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ และหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ที่ยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหมวดธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส และหมวดธุรกิจยานยนต์ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามในหมวดธุรกิจบริการยังคงได้รับผลกระทบอยู่” นายแมนพงศ์กล่าว

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ.ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มียอดขายรวม 45,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.8% และมีกำไรสุทธิรวม 2,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 601.3% เทียบจากช่วงกันปีก่อน