คลัง สั่งแบงก์รัฐลดดอกเบี้ย 0% เน้นช่วยกลุ่ม “ร้านอาหาร-ท่องเที่ยว” ยาวถึงสิ้นปีนี้ ชี้ออกมาตรการเพิ่มไม่กระทบแบงก์ ฐานะแบงก์รัฐแข็งแกร่ง ตั้งสำรองเกินเกณฑ์สูงกว่า 10%
วันที่ 22 มิถุนายน 2564 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบนโยบายให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หาแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนคนไทยระยะสั้น ภายใน 6 เดือน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 นั้น รมว.คลัง ได้เรียกสถาบันการเงินของรัฐเข้ามาหารือในเรื่องดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยสั่งการให้แบงก์รัฐพิจารณาช่วยประชาชนในเรื่องลดอัตราดอกเบี้ย เหลือ 0% จนถึงช่วงปลายปีนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
โดยกระทรวงการคลังจะดูแลในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 เช่น ร้านอาหาร การท่องเที่ยว เป็นต้น โดยได้ให้แบงก์รัฐกลับไปเตรียมแนวทางเพื่อหาข้อสรุปในการออกมาตรการช่วยเหลือก่อนว่าจะสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด แล้วส่งเรื่องกลับมาที่คลังภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งการลดดอกเบี้ยดังกล่าวนี้ไม่ได้ของบประมาณชดเชยจากรัฐบาล หากได้ข้อสรุปแล้วแบงก์รัฐก็ดำเนินการได้เลย
“ที่ผ่านมาแบงก์รัฐก็ดำเนินโยบายในการช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว แต่ก็จะมีบางแบงก์ที่อาจช่วยเหลือประชาชนได้เพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้มีหนึ่งแบงก์แล้วที่ส่งเรื่องกลับมาให้เรา โดยเสนอช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้วยการลดดอกเบี้ยลงเหลือ 0.01% จนถึงปลายปีนี้ ซึ่งที่นายกฯ สั่งลดดอกเบี้ยนั้น เราก็จะดูตามคุณภาพของลูกหนี้ และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ โดยจะลดดอกเบี้ยให้ทั้งผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล รวมทั้งบุคคลธรรมดาด้วย”
สำหรับการดำเนินงานช่วยประชาชนที่ผ่านมาของแบงก์รัฐทุกแห่ง มีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่รอบแรกแล้ว ทั้งเรื่องการเลื่อนชำระหนี้เงินต้น และดอกเบี้ย ซึ่งการออกมาตรการหลายๆ อย่างของแบงก์รัฐนั้น ก็ไม่ได้ไปขอใช้ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ของธปท. แต่ก็ยังคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าพ.ร.ก.ซอฟต์โลน ที่ ธปท. กำหนดไว้ ซึ่งแบงก์รัฐใช้งบประมาณจากของหน่วยงานเอง
พร้อมกันนี้ เชื่อว่าหากแบงก์รัฐดำเนินงานในมาตรการช่วยเหลือลูกค้าดังกล่าวเพิ่มเติม จะไม่กระทบกับสถานะการเงินของแบงก์รัฐ โดยที่ผ่านมาแบงก์รัฐมีการตั้งสำรองเกินเกณฑ์ที่ธปท.กำหนดไว้ 8.5% สูงกว่า 10% ซึ่งสถานะแบงก์ยังคงแข็งแกร่งและมั่นคง