นักวิเคราะห์ชี้ บจ. กระทบจำกัด เหตุโรงงานกิ่งแก้วระเบิด

ภาพ : ข่าวสด

ฝ่ายวิจัยโบรกเกอร์หลักทรัพย์ “เอเซียพลัส” เผยบริษัทจดทะเบียนที่มีพื้นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงโรงงานระเบิดย่านกิ่งแก้วกระทบจำกัด หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย “MTC-SAWAD-TIDLOR” สาขาในบริเวณที่เกิดเหตุไม่ถึง 1% ของทั้งหมด (CHG) มีโรงพยาบาล 2 แห่ง จับตาระยะเวลาปิดให้บริการ หากเลวร้ายที่สุดนาน 1 เดือน ประเมินกระทบรายได้ราว 2% ต่อเดือน

วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด รายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้เกิดเหตุระเบิดที่ โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโกดังเก็บสารเคมี 50 ตัน ทำให้มีการสั่งอพยพประชาชนและครัวเรือนออกจากพื้นที่ในบริเวณรัศมี 5-10 กิโลเมตร โดยสถานการณ์ เช้านี้ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว

โดยฝ่ายวิจัยประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ต่อตลาดหุ้นไทย (SET Index) จำกัด ส่วนบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาด คาดกระทบแต่จำกัด เพราะสถานการณ์ควบคุมเริ่มคลี่คลาย และบริษัทจดทะเบียนที่ฝ่ายวิจัยทำการศึกษา ที่อยู่ในพื้นที่รัศมีหลัก ๆ คือ

บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) มีโรงพยาบาล มีในเขตพื้นที่ดังกล่าว 2 แห่ง คือ CHG9 และ CHG1 โดยทั้ง 2 โรงพยาบาล มีสัดส่วนเตียงรวม 165 เตียง คิดเป็น 22% ของสัดส่วนเตียงรวม เบื้องต้นประเมินผลกระทบยังจำกัด ทั้งนี้ยังต้องติดตามระยะเวลาในการปิด กรณีเลวร้ายสุด (Worst Case) หากปิด 1 เดือน  ฝ่ายวิจัยประเมินกระทบรายได้ราว 2% ต่อเดือน

ขณะที่บริษัทอื่น ๆ อาทิ กลุ่มเช่าซื้อ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC), บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) สาขาในบริเวณที่เกิดเหตุไม่ถึง 1% ของทั้งหมด ประเมินผลกระทบจำกัด

ส่วน บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) ปิดให้บริการเมื่อวาน 4 โมง และเผยจะกลับมาเปิดวันนี้ 10 โมง ด้าน บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ยืนยันไม่กระทบการบินในสุวรรณภูมิ ยังเปิดให้บริการตามปกติ