ทริส จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ CPF วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เรทติ้ง A+

CPF-หุ้น 2

ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1.2 หมื่นล้านบาท “CPF” ที่ “A+” แนวโน้ม “Stable”

วันที่ 28 สิงหาคม 2564 ทริสเรทติ้ง ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่ระดับ “A+” รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนซึ่งไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (Hybrid Debentures) ที่ระดับ “A-” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่”

ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.2 หมื่นล้านบาทกำหนดไถ่ถอนภายใน 15 ปีของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วยเช่นกัน

โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ดังกล่าวจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทหรือบริษัทในกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์อาหารดังต่อไปนี้ (1) ประกอบธุรกิจทั่วไป และ/หรือ (2) ขยายธุรกิจ และ/หรือ (3) ลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ และ/หรือ (4) ชำระคืนหนี้ และ/หรือ (5) ให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์อาหาร

ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยตลอดจนการมีฐานการผลิตในหลายประเทศรวมถึงการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวก็ถูกลดทอนลงบางส่วนจากลักษณะที่ผันผวนของสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทรวมทั้งความเสี่ยงจากโรคระบาด การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของประเทศผู้นำเข้าสินค้า และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาเป็นระยะเวลานาน

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยังคงเป็นไปตามประมาณการที่ทริสเรทติ้ง คาดไว้ ด้วยอานิสงส์จากผลการดำเนินงานที่ดีของกิจการในประเทศไทย ส่งผลทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจแม้ราคาวัตถุดิบจะเพิ่มสูงขึ้นและราคาสุกรจะลดต่ำลงก็ตาม

โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นที่ระดับ 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 4.4 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2564

ส่วนภาระหนี้ของบริษัทเมื่อเทียบกับกระแสเงินยังคงอยู่ในระดับที่ดี อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ระดับ 4.6 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 4.5 เท่าในปี 2563 และปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากระดับ 6-7 เท่าในระหว่างปี 2561-2562

ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 14.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 โดยปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 14.6% ในปี 2563 และระดับ 8%-10% ในช่วงปี 2561-2562

สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 นี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแม้ว่าจะยังคงเผชิญกับความท้าทายในหลากหลายด้านทั้งความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ

ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุนรวมทั้งแผนการออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มของบริษัทนั้นน่าจะช่วยให้บริษัทรักษาผลการดำเนินงานที่มีความมั่นคงต่อไปได้ในอนาคต