เปิดแผน “แม็คโคร” ควบรวมโลตัสส์ ปั้นรายได้ 4 แสนล้าน

2 แม่ทัพใหญ่ “แม็คโคร” เปิดแผนก้าวใหม่ควบรวมโลตัสส์ ปั้นรายได้ 4 แสนล้านบาท พร้อมขึ้นผู้นำเบอร์ 1 ค้าส่ง-ค้าปลีกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วันที่ 6 ตุลาคม 2564 นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร สายงาน Group Shared Service หรือ MAKRO เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ทั้งในไทยและมาเลเซียว่า ช่วงวันอังคารที่ 12 ต.ค.2564 บริษัทจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นผ่านระบบออนไลน์ เพื่อขอมติรับการทำธุรกรรมดังกล่าว จากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) และภายหลังจากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น คาดว่าภายในไม่เกิน 3 สัปดาห์นับจากวันประชุมผู้ถือหุ้น (ประมาณช่วงวันจันทร์ที่ 25 ต.ค.64) แม็คโครน่าจะพร้อมรับโอนกิจการได้สำเร็จ

หลังจากนั้นบริษัทเตรียมดำเนินการขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 1,300 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสัดส่วนทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 5 พันล้านหุ้น จากเดิมที่มีอยู่ 4 พันล้านหุ้น ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะดำเนินการรับโอนกิจการแล้วเสร็จภายในไม่เกินสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พ.ย.64 (ประมาณช่วงวันที่ 8-14 พ.ย.) และภายในไตรมาส 4/64 บริษัทจะรับรู้รายได้จากโลตัสส์เข้ามาทันที

ทั้งนี้จะทำให้ MAKRO สามารถเพิ่มสัดส่วนการกระจายโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย(ฟรีโฟลต) เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 15% จากเดิมที่มีอยู่ 7% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งจะทำให้หุ้น MAKRO มีสภาพคล่องการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และติดอยู่ในดัชนี SET50 ทันที รวมไปถึงในตระกร้าหุ้นสำคัญๆ ทั่วโลก

“เมื่อรวบกิจการกันแล้ว บริษัทจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิมที่อยู่กว่า 2 แสนล้านบาท เพราะแม็คโครเป็นอันดับ 1 ค้าส่งและโลตัสส์เป็นอันดับ 1 ค้าปลีก แต่ในแง่ของสินทรัพย์รวมโลตัสส์จะมีไซซ์ใหญ่กว่าแม็คโคร เพราะมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มจากรายได้ยอดขาย ดังนั้นต่อไปลักษณะโครงสร้างพอร์ตของ MAKRO จะเปลี่ยนแปลงจากเดิม” นางเสาวลักษณ์ กล่าว

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAKRO กล่าวว่า หลังรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์เข้ามาอยู่ในกลุ่มแม็คโคร จะทำให้แม็คโครเป็นอันดับ 1 ผู้นำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันอยู่ในอันดับ 2 โดยปัจจุบันได้เตรียมเงินลงทุนสำหรับธุรกิจ MAKRO และโลตัสส์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568) ไว้ประมาณ 130,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการของบริษัทนอกจากการขยายสาขาแล้ว บริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนด้านดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น โดยเแบ่งเป็นงบลงทุนสำหรับธุรกิจในกลุ่ม MAKRO ประมาณ 60,000 ล้านบาท และโลตัสส์ประมาณ 70,000 ล้านบาท

“ประโยชน์ที่ทั้งสองจะได้ร่วมกันคือการประหยัดต่อขนาด ทำให้ต้นทุนลดลง เนื่องจากเราจะมีการใช้ระบบงานเดียวกัน รวมทั้งมีระบบหลังบ้าน ระบบโปรแกรมจัดการฐานข้อมูล(Oracle) ซึ่งจะทำให้ดีและเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มคน”

นอกจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็นไม่ต่ำกว่า 10% ของรายได้รวม ภายในช่วง 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2568 จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% ซึ่งส่วนหนึ่งมีการรับรู้รายได้มาจากสาขาในประเทศมาเลเซีย ประกอบกับบริษัทมีแผนจะขยายสาขาทั้ง MAKRO และ LOTUS’s ในตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ MAKRO มีจำนวน 7 สาขาใน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชาจำนวน 2 สาขา, เมียนมา 1 สาขา, อินเดีย 3 สาขา และจีน(กว่างโจว) อีก 1 สาขา

โดยปัจจุบันได้เริ่มมีการศึกษารูปแบบของตลาดทั้งแบบ B2B และ B2C รวมถึงการลงทุนแบบก่อสร้างใหม่เองหรือไปร่วมหุ้นกับพันธมิตรที่อยู่ในแต่ละประเทศนั้นๆ โดยมีการจัดตั้งทีมที่ปรึกษาธุรกิจต่างประเทศขึ้นมาแล้ว โฟสกัสประเทศใหญ่ๆ ในเอเชียงตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม, อินโดนีซีย, ฟิลลิปปินส์ รวมไปถึงการขยายธุรกิจเพิ่มในประเทศที่เข้าไปลงทุนแล้วเพิ่มเติมด้วย