รมว.คลังเผย กระทรวงแรงงานขอดึงเงินนำส่งกองทุนต่างด้าวปีละ 500 ล้านบาท จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวทั้งประเทศ 2.5 ล้านคน เก็บข้อมูลแบบไบโอเมตริกซ์ ช่วยงานด้านความมั่นคง
วันที่ 7 ตุลาคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้มาหารือขอลดการนำส่งรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เข้ากองทุนเพื่อบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อนำเงินไปใช้พัฒนาระบบข้อมูลต่างด้าวที่ทำงานในไทยกว่า 2.5 ล้านคนให้มีความทันสมัย และเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และลดปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ปัญหาด้านความมั่นคงภายในประเทศ ตามมติ ครม.ที่เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ โดยคลังให้กระทรวงแรงงานไปศึกษาความเหมาะสมเพิ่มเติมให้รอบด้าน เพื่อนำเสนอกลับมาให้พิจารณาอีกครั้ง
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
นายสุชาติ รมว.แรงงาน กล่าวว่า แนวคิดการใช้เงินกองทุนนั้น ต้องรอผลการศึกษาให้ชัดเจนซึ่งจะทราบผลภายใน 6 เดือน โดยเบื้องกระทรวงแรงงานจะเสนอให้แบ่งเงินจากการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวปีละ 500 ล้านบาท มาใช้พัฒนาข้อมูลแรงงานต่างด้าว และเชื่อมโยงระบบข้อมูลใหม่ ซึ่งจะทำให้มีการนำส่งเงินค่าธรรมเนียมลงทะเบียนต่างด้าวเข้ากองทุน ลดลงจากปีละ 1,900 บาทล้านต่อปี เหลือเพียง 1,400 ล้านบาทต่อปี
ปัจจุบันระบบยืนยันตัวตนแรงงานต่างด้าวจะใช้แค่นิ้วมืออย่างเดียว แต่ระบบใหม่จะใช้ไบโอเมตริกซ์ พิมพ์รายนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว มีการสแกนใบหน้า สแกนม่านตา ซึ่งมีข้อมูลรายละเอียดเป็นรายบุคคลทั้งหมด ทำให้สามารถบ่งชี้ความเป็นตัวตนของแรงงาน โดยงานในส่วนนี้อาจต้องจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยทำ แต่มีข้าราชการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ดูแลระบบทะเบียนให้อยู่
ทั้งนี้ หากระบบเชื่อมโยงยืนยันตัวตนแรงงานต่างด้าวมีประสิทธิภาพแล้ว จะช่วยแก้ไขปัญหาได้หลายด้าน ทั้งการกินค่าหัวคิว การตรวจสอบการกระทำผิดแรงงานต่างด้าว รวมถึงการรักษาสุขภาพของแรงงานต่างด้าว ที่เจ็บป่วยในประเทศ ก็จะมีการใช้ข้อมูลได้รวดเร็ว และแม่นยำ เพราะเพียงสแกนก็จะรู้ทันทีว่าเป็นใครมาจากไหน
“ขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวที่ได้ลงทะเบียนถูกกฎหมายอยู่ในประเทศไทย 2.5 ล้านคน และมีรายได้ค่าธรรมเนียมการลงทะเบียน เฉลี่ย 1,900 ล้านบาทต่อปี โดยปกติรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนั้น จะต้องนำส่งเข้ากองทุนและเป็นรายได้แผ่นดิน แต่เมื่อกระทรวง จำเป็นต้องปรับปรุงระบบฐานข้อมูลแรงงานต่างด้าวใหม่ให้ทันสมัย โดยใช้ระบบไบโอเมตริกซ์ซึ่งมีมาตรฐานสากลมาใช้ อาจจะต้องนำรายได้บางส่วนจากค่าธรรมเนียมบางส่วนมาใช้แทน และต้องมาหารือกับกระทรวงการคลัง ที่เป็นผู้ดูแลทุนหมุนเวียน”