สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ชี้ขาดข้อมูลหุ้นเสี่ยงสูง แนะจัดประชุม-ติวเข้ม

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน(IAA) ชี้นักวิเคราะห์ขาดข้อมูลหุ้นเสี่ยงสูง แนะจัดทำบทวิเคราะห์พื้นฐานเพิ่มข้อมูลให้นักลงทุนรายย่อย แนะตลาดหลักทรัพย์ประสานงานบริษัทจัดประชุมนักวิเคราะห์-ติวเข้มหลักสูตรอบรมเทคนิควิเคราะห์หุ้นร้อน

 

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) รายงานว่า จากการติดตามภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) มีข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมามีหุ้นจำนวนหนึ่งที่มีราคาซื้อขายพุ่งทะยานขึ้นหลายเท่าตัว โดยไม่สอดคล้องกับผลดำเนินงานที่ประกาศแล้ว กระทั่งตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนดให้ดำเนินมาตรการด้านการซื้อขาย T1, T2 และ T3 ตามลำดับ ของความไม่สอดคล้องกับผลดำเนินงาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันอาจจะเกิดต่อนักลงทุน และระบบโดยรวมของตลาด โดยกลุ่มหุ้นในระดับ T3 เป็นกลุ่มที่ผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุนมีความห่วงว่าผู้ลงทุนรายย่อยจะมีข้อมูลสำคัญและข้อมูลจากการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน ก่อนที่จะเข้าไปลงทุนหรือไม่

ทั้งนี้ทางสมาคมนักวิเคราะห์ฯ จึงได้ทำการสำรวจข้อเท็จจริงและความเห็นจากสมาชิกนักวิเคราะห์การลงทุน เกี่ยวกับหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม T3 (ณ วันที่ทำการสำรวจ 18-21 ต.ค.64 โดยได้รับข้อมูลตอบกลับจาก 26 สำนักวิจัย)

โดยผลการสำรวจ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ พบว่า 81% ของทีมวิจัยไม่ทำการติดตามหุ้นในรายชื่อ T3 เลย อีก 19% ของทีมวิจัยมีการติดตามข้อมูลข่าวและข้อมูลผลการดำเนินงานที่ประกาศ โดยมี 15% ของทีมวิจัย (4 ทีม) ที่มีการตอบคำถามด้วยวาจาต่อ IC และนักลงทุน เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนและความเสี่ยง แต่ไม่มีทีมวิจัยใดเลยที่เขียนบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน หรือ การเขียน Comment ทางปัจจัยพื้นฐานต่อท้ายข่าว

สมาคมฯ ยังได้สอบถามถึงเหตุผลของทีมวิจัยที่ไม่ได้มีการจัดทำบทวิเคราะห์ พบว่า ประกอบด้วยหลายสาเหตุ เรียงลำดับตามที่ตอบมามากที่สุดคือ

  1. ไม่มี Demand มาจาก IC และนักลงทุนของบริษัท มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 50%
  2. นักวิเคราะห์เห็นว่าระดับราคาแพงเกินไป จนกระทั่ง แผนงานวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทแสดงก็ไม่สามารถมารองรับระดับราคาได้ นักวิเคราะห์ไม่ต้องการเขียน Initial Report โดยการแนะนำขาย มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 42%
  3. หุ้นกลุ่มดังกล่าว มีข้อมูลที่เผยแพร่น้อย และมีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 39%
  4. หุ้นดังกล่าว ไม่มาให้ข้อมูลใน OPP Day มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 31%
  5. นักวิเคราะห์ไม่สามารถติดต่อสัมภาษณ์ หรือขอรับข้อมูลเพิ่มเติม จากบริษัทหุ้น T3 ที่จัดให้เฉพาะนักวิเคราะห์ มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 27%
  6. ไม่มั่นใจว่าธุรกิจใหม่ๆ หรือวิสัยทัศน์ใหม่ที่บริษัทหุ้น T3 จะประสบความสำเร็จ มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 19%

คำตอบดังกล่าวจากการ Survey ครั้งนี้ ยืนยันได้ถึงการขาดแคลนเป็นอย่างมากของข้อมูลวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานหุ้นในรายชื่อ T3 ทั้งๆ ที่หุ้นในกลุ่มนี้ มีผลดำเนินงานที่ประกาศไปแล้วไม่สอดคล้องกับระดับราคาหุ้น ดังนั้นการที่ผู้ลงทุนจะเข้าลงทุนหุ้นในกลุ่ม T3 นี้ จึงจำเป็นต้องมีการประเมินวิสัยทัศน์ และต้องวิเคราะห์อนาคตในประเด็นการทำธุรกิจใหม่ๆ ของบริษัทเหล่านี้

สมาคมฯ มองว่าน่าจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยโดยทั่วไป ที่จะวิเคราะห์คาดการณ์ได้อย่างมั่นใจ  และสมาคมฯเห็นว่าหุ้นในกลุ่มรายชื่อนี้ มีความเสี่ยงมากกว่าระดับโดยเฉลี่ยของหลักทรัพย์ปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯ

และเพื่อที่จะสนับสนุนให้เกิดบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน ทางสมาคมฯได้สอบถามทีมวิจัยถึงความต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมฯสนับสนุนด้านใดบ้าง ได้รับคำตอบว่า ต้องการให้ช่วยประสานงานให้บริษัทกลุ่ม T3 ทำการจัด Analyst meeting โดยมีผู้ตอบประเด็นนี้ถึง 69%

  1. และมีทีมวิจัย 31% ที่ต้องการให้จัดหลักสูตรอบรมเทคนิคในการวิเคราะห์หุ้นที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ แก่นักวิเคราะห์ฯ โดยเชิญนักวิเคราะห์อาวุโสที่มีประสบการณ์เห็นหุ้นที่มีความหวือหวาและเสี่ยงสูงมาหลาย 10 ปี เป็นผู้บรรยาย
  2. ทีมวิจัยประมาณ 12% ที่เสนอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ส่วนข้อเสนออื่นๆ ที่ทีมวิจัยกล่าวถึงอีก ได้แก่ อยากให้ทางตลาดบอกถึงหลักเกณฑ์การ ขึ้นเครื่องหมาย T1 – T3 ที่ชัดเจนมากขึ้น เป็นต้น

หมายเหตุ : ปัจจุบันหลักทรัพย์ที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ3 (T3) บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องดำเนินการดังนี้

  1. ให้ผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์ ต้องวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ
  2. บริษัทสมาชิกห้ามนำหลักทรัพย์ ที่อยู่ในรายชื่อ T3 คำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายในทุกประเภทบัญชี
  3. บริษัทสมาชิกห้ามหักกลบค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์ ที่อยู่ในรายชื่อ T3 ในวันเดียวกัน