ไทยประกันชีวิต เจ้าของบริษัทยืนยันฐานะการเงินแกร่ง เงินสำรองกว่า 3.8 แสนล้าน

ไทยประกันชีวิต

ไทยประกันชีวิต ยืนยันฐานะการเงินแกร่ง ระดับเงินกองทุนสูงกว่าเกณฑ์กฎหมายอยู่ที่ 334% เงินสำรอง 3.8 แสนล้านบาท ยันไม่ได้รับผลกระทบโควิด บริหารจ่ายเคลมสินไหมปี 62-64 ใกล้เคียงกันระดับหมื่นล้านบาท

นายไชย ไชยวรรณ
นายไชย ไชยวรรณ

วันที่ 6 ธันวาคม 2564 นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเนื่องจากอัตราการจ่ายสินไหมทดแทนของบริษัทช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดและหลังการแพร่ระบาดโควิด อยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยปี 2562 มีจำนวนการเคลมสินไหมทดแทน ทั้งสินไหมมรณกรรมและสินไหมสุขภาพ ประเภทกรมธรรม์รายบุคคล (Ordinary Life) และประเภทสินเชื่อ (Credit Life) อยู่ที่ 722,863 ราย รวมเป็นเงินจ่ายสินไหมทั้งสิ้น 11,317 ล้านบาท

และปี 2563 จำนวนการเคลมสินไหมทดแทนอยู่ที่ 608,667 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,648 ล้านบาท ขณะที่เดือน ม.ค.-ต.ค.64 จำนวนการเคลมสินไหมทดแทนอยู่ที่ 478,467 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,821 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถบริหารจัดการด้านสินไหมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันบริษัทมีนโยบายด้านการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบรัดกุม โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee : RMC) โดยการบริหารจัดการความเสี่ยงนั้นบริษัทจัดการความเสี่ยงทั้งในระดับองค์กร และระดับหน่วยงาน โดยระบุุความเสี่ยงออกเป็นด้านต่างๆ อาทิ ความเสี่ยงด้านประกันภัย ความเสี่ยงด้านการตลาด ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยงด้านความเพียงพอของเงินกองทุน ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ และความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์

โดย RMC เป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลความเสี่ยงภายในองค์กร โดยจะกำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยง และความเสี่ยงที่ยอมรับได้สำหรับระบบงานที่สำคัญ เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันภัย การลงทุน ความเสี่ยงจากอัตรามรณะ และการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง และมีการติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบการบริหารความเสี่ยงขององค์กรดำเนินไปด้วยความราบรื่น

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสําคัญในการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management : BCM) เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ บริษัทจะสามารถตอบสนองและปกป้องผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย สามารถรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท รวมถึงสามารถดําเนินธุรกิจที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“บริษัทพร้อมเคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ พร้อมดูแลผู้เอาประกันภัยตามเงื่อนไขสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ทั้งการจ่ายสินไหมและเงินผลประโยชน์ต่างๆ ยกเว้นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการรับประกันภัย หรือมีเจตนาทุจริตต่อบริษัท จึงขอให้ผู้เอาประกันภัยที่ถือกรมธรรม์ของไทยประกันชีวิตเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับการดูแลตลอดสัญญากรมธรรม์” นายไชยกล่าว

ปัจจุบันไทยประกันชีวิตมีความแข็งแกร่งมาก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย อยู่ที่ 334% ซึ่งสูงกว่าอัตราที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดที่ 120% เงินสำรองประกันชีวิต 385,723 ล้านบาท ที่พร้อมจ่ายสินไหมและเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์แก่ผู้เอาประกันตามเงื่อนไขสัญญา และมีสินทรัพย์รวม 511,391 ล้านบาท รวมถึงได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ จากสถาบัน Fitch Ratings อยู่ที่ AAA(tha) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของธุรกิจไทย


“ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดมุ่งสู่การเป็น “ทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงิน” ในทุกช่วงชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในรูปแบบเฉพาะบุคคล” นายไชย กล่าว