คกก.แก้หวยแพงประชุมนัดแรก 28 ก.พ.นี้ ตั้งเป้าทำสลากราคาถูกภายใน 2 เดือน

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 - 07:00 น.

“แรมโบ้” เผย 28 ก.พ.นี้ คณะกรรมการแก้หวยแพงประชุมนัดแรก ระยะสั้นตั้งเป้าทำให้สลากราคาถูกภายใน 2 เดือน ส่วนระยะยาวเล็งแก้พ.ร.บ.ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้มข้นขึ้น

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนจากการเสนอหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการครั้งแรก ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ จะมีการเสนอรายชื่อคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา มีการจัดตั้งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ที่ลงไปตรวจสอบ ร้านยี่ปั๊วะ หรือนายทุนที่ขายสลากเกินราคา และจะวางไทม์ไลน์ในการทำงาน เพื่อเป็นกรอบเวลาในการแก้ไขปัญหาสลากแพง

นอกจากนี้ จะมีการวางแผนการแก้ไขเป็นระยะ ได้แก่ ระยะแรก การทำให้ราคาสลากลดต่ำลงมาให้ได้ ซึ่งกรอบเวลาทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายในระยะเวลา 2 เดือน ส่วนในระยะยาวจะเป็นการแก้ไขข้อกฏหมาย พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการลงโทษผู้ค้าที่กระทำผิด ขายช่วง ขายเกินราคา ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นจากปัจจุบัน กฎหมายระบุว่ามีโทษปรับเพียง 10,000 บาท

ทั้งนี้ การกำหนดกรอบเวลา 2 เดือนของคณะกรรมการฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกำหนดการแก้ไขปัญหาขายสลากเกินราคา ของสำนักงานสลาก ดังนั้นไม่ได้หมายความว่า สำนักงานสลากจะต้องทำตามมติที่คณะกรรมการฯ กำหนด โดยคณะกรรมการฯ จะทำเพียงการสรุปว่าปัญหาการขายสลากเกินราคา เกิดจากอะไร มีอุปสรรคอะไรบ้าง และบริหารจัดการอย่างไร ถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ได้อย่างยั่งยืน

“สิ่งที่จะต้องลงไปดูคือ ปัญหาอุปสรรคคืออะไร ที่ผ่านมา ต้องเจอปัญหานายทุน ยี่ปั๊วะ รับซื้อสลากไปขายกันที่ไหนอย่างไร แล้วทำไมผู้ค้าที่ได้สิทธิซื้อ–จอง ถึงไม่ได้นำสลาก ไปขายปลีกเองในราคาที่กำหนด ซึ่งต้องไปแก้ไขส่วนนี้ให้ได้” นายเสกสกล กล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า ปัญหาของสลากเกินราคา ในปัจจุบันนั้นอยู่ที่ระบบ ที่ไม่มีการกระจายและควบคุม ในการกระจายโควตาสลาก ไปยังผู้ค้าและองค์กรต่างๆ ยังไม่การควบคุม ดังนั้นใครที่ได้รับสลากไปจะขายที่ไหน หรือทำอะไรก็ได้ และเมื่อควบคุมไม่ได้ ก็มีการนำไปขายต่อไปเรื่อยๆ แล้วราคาจะไปควบคุมอยู่ได้อย่างไร จึงควรต้องมีการตั้งกติกาเพื่อควบคุม ส่วนกลุ่มที่เดินขายสลากในปัจจุบัน บางส่วนก็ไม่ใช้คนที่ได้สิทธิโควตา จำเป็นต้องไปรับสลากมาจากนายทุน ราคา 80-90 บาท แล้ว ก็ต้องนำมาขายปลีกที่ 100 บาท

ในส่วนของเว็บไซต์ที่เปิดจำหน่ายสลากอยู่ในปัจจุบัน ก็จะเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ชุดเฉพาะกิจจะเข้าไปตรวจสอบ และจัดการ และหลังจากนี้ก็จะมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยมีความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เข้ามาช่วยในการตรวจสอบ นอกจากนี้จะมีการพิจารณากฎหมายอื่นๆ เช่น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นต้น ว่าจะใช้เป็นเครื่องมือในการจัมกุมและแก้ไขปัญหาสลากแพงได้หรือไม่ ระหร่างที่รอการแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่ง ที่กำลังทำการแก้ไขอยู่

“สิ่งเดียวที่จะแก้ไขได้คือ เอาความจริงใจ และโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจ และไม่มีอภิสิทธิ์ ก็จะสามารถแก้ไจปัญหาสลากแพงได้ ส่วนการที่จะเปลี่ยนมาขายทางออนไลน์ นั้น สามารถแก้ไขได้ระดับหนึ่งบางคนก็อาจจะปรับตัวไม่ทัน ก็ต้องมีทั้งทางออนไลน์ และแผงขาย ซึ่งถ้าได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในพื้นที่ก็จะยิ่งทำให้ตรวจสอบได้ง่าย รวมถึง กำไรที่ได้จากราคาที่กำหนดไว้ 9.60 บาทนั้น คนขายสามารถอยู่ได้แน่นอน ในแต่ละงวดรวมกัน 100 ล้านใบ ก็เกิน 900 ล้านบาทแล้ว“นายเสกสกล กล่าว