บลจ.ยูโอบี เผย AUM ปี’64 แตะ 2.43 ล้าน ตั้งเป้าปีนี้เติบโตอีก 10%

การลงทุน ก.ล.ต.
แฟ้มภาพ

บลจ.ยูโอบี  เผยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปี’64 อยู่ที่ 243,138 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการเสนอขายกองทุนรวม  131,851 ล้านบาท ตั้งเป้าปี’ 65 นี้ AUM เติบโต 10%  พร้อมมุมมองการลงทุน-แนะนำทยอยสะสม 5 กองทุนในหุ้นยุโรป จีน และธีม ESG 

วันที่ 4 มีนาคม 2565 นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ 243,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ 231,324 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากธุรกิจกองทุนรวมถึง 131,851 ล้านบาท ซึ่งในปี 2564   มีกองทุนเสนอขาย (IPO) กองทุนทั้งหมดจำนวน 13 กองทุน ตามมาด้วยรายได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 69,335 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 41,952 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปีนี้ AUM เติบโตขึ้นอีก 10%

สำหรับด้านการลงทุนปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะข้างหน้า ได้แก่ การเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อและอยู่ในระดับสูง (Cost-Push Inflation) จากแรงกดดันจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานเกิดสภาวะชะงักงัน (Supply Chain Disruption) ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่ต้องสอดคล้องการดำเนินนโยบายทางการคลัง เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจนอกจากนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์อย่าง Omicron Variant รวมถึงในอนาคตที่อาจจะมีการกลายพันธุ์ใหม่ๆ จนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ยังคงต้องติดตามต่อเนื่อง

ในส่วนของปัจจัยด้านการเมืองต้องติดตาม ผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึง การเลือกตั้ง Mid Term Election ของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2565 ซึ่งมีความเสี่ยงที่พรรค Democrats จะเสียเสียงข้างมากในสภาให้กับพรรค Republicans ในการเลือกตั้ง อาจทำให้การผ่านร่างนโยบายที่สำคัญในอนาคตทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม

วนา พูลผล
วนา พูลผล

เรายังเชื่อว่าการลงทุนในหุ้นยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มเข้มงวดขึ้น อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ดีปัจจัยเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำมาก ความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้นเมื่อเทียบกับตราสารหนี้แล้วจึงมีมากกว่า รวมถึงการลงทุนในหุ้นยังสามารถส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปในรูปแบบของราคาสินค้าหรือบริการที่สูงขึ้นได้บางส่วนทำให้การลงทุนในหุ้นสามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ด้วยเช่นกัน (Inflation Hedged)

ประกอบกับ ณ ปัจจุบันตลาดได้รับรู้ (Priced-In) ความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปมากกว่า 4-5 ครั้งแล้วสะท้อนว่าโอกาสการปรับตัวลงเริ่มน้อยแต่คงเหลือประเด็นสำคัญอย่างการทำ Quantitative Tightening อย่างการลด Balance Sheet ที่ยังขาดความชัดเจนซึ่งอาจจะทำให้ตลาดมีการปรับฐานได้อีกครั้งจนกว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในการประชุม FOMC ในวันที่ 15-16 มีนาคม ที่จะถึงนี้

ด้านนางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากภาพรวมดังกล่าว แนะนำให้นักลงทุนอาศัยจังหวะที่มีการปรับฐานทยอยเข้าสะสมการลงทุนใน 5 กองทุน ดังนี้

1) การลงทุนในประเทศจีนที่ราคาหุ้นในปัจจุบันได้ซึบซับกับข่าวด้านลบในช่วงที่ผ่านมา และปัจจุบันเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายจากภาครัฐที่สนับสนุนตลาดมากขึ้นและคาดว่าตลาดจีนจะมีบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นในปี 2556 แนะนำลงทุนใน กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ออล ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ – หน่วยลงทุนชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (UCHINA) และ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เอ แชร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ – หน่วยลงทุนชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (UCI)

รัชดา ตั้งหะรั
รัชดา ตั้งหะรัฐ

2) สำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะกลาง-ยาว แนะนำอาศัยจังหวะที่มีการปรับฐานแรงทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผ่านกองทุนเปิด ยูไนเต็ด อิควิตี้ ซัสเทนเนเบิล โกลบอล ฟันด์ (UESG), กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล อิควิตี้ โซลูชั่น ฟันด์ – หน่วยลงทุนชนิดเพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนทั่วไป (USUS) ที่ลงทุนในธีมที่เกี่ยวข้องกับแนวคิด ESG รวมถึง กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินโนเวชั่น ฟันด์ (UNI) ที่เน้นการลงทุนในหุ้นที่เป็นนวัตกรรม

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม แต่เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ขณะที่ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์  ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย)  กล่าวว่า เรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศของรัสเซียและยูเครนยังมีคามเสี่ยเนื่องจากเหตุการณ์มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งคต้องติดตามว่าสงครามนี้จะจบลงเมื่อไหร่และจบลแบบไหน แต่จากผลกระทบสำหรับตลาดหุ้นไทยถือว่ากระทบไม่มาก เนื่องจากหุ้ไทยยังมีฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งคาดว่าต่างชาติจะซื้อสุทธิหุ้นไทยถึง 1 แสนล้านบาทในครึ่งปีแรก

ทั้งนี้สำหรับคำแนะนำการลงทุนในปี 2565 นี้ เรามักจะไม่มองที่ปัจจุบันจะเน้นมองไปข้างหน้าและมองหาตลาดที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต  ซึ่งการลงทุนในสินค้าโภคภัฑณ์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางลงทุนที่ดี รมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง”ทองคำ” และหุ้นที่ให้ปันผลที่ดีและมีการเติบโตที่ดี

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์