เอไอเอ ทรานฟอร์ม Digital Insurer ยอมรับปี’65 ธุรกิจประกันยังท้าทาย

เอไอเอ ทรานฟอร์มสู่การเป็น Digital Insurer เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์เคลมใหม่ ยอมรับปี’65 เศรษฐกิจไทยและธุรกิจประกันยังท้าทาย

วันที่ 24 มีนาคม 2565 นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย(AIA) เปิดเผยว่า ในปี 2564 กลุ่มบริษัทเอไอเอมีมูลค่าธุรกิจใหม่ อยู่ที่ 3,366 ล้านเหรียญ เติบโต 18% เทียบจากปี 2563 และมีกำไรหลังหักภาษี อยู่ที่ 6,049 ล้านเหรียญ เติบโต 6% รวมถึงได้มีการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไปกว่า 6,451 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นกว่า 8%

ขณะที่เอไอเอประเทศไทย พบว่ามีส่วนแบ่งการตลาดของเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 23% คิดเป็นมูลค่า 23,542 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาดเบี้ยประกันภัยรับรวม 26% คิดเป็นมูลค่า 157,446 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) สูงกว่า 40% คิดเป็นมูลค่า 4,740 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายประกันกลุ่ม Employee Benefit กว่า 18%

“ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจวินาศภัยและประกันชีวิต แต่ในวิกฤตเอไอเอได้มองเห็นโอกาสและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป้าหมายที่ชัดเจนของเรา คือต้องการส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ผ่านช่องทาง Omni Channel ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี” นายกฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยและธุรกิจประกันชีวิตในปี 2565 นายกฤษณ์ กล่าวว่า ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ทั้งจากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย ในขณะที่คนไทยยังไม่พร้อมเกษียณ โดยแผนของเอไอเอจะช่วยคนไทยวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ประกันสังคมที่ถูกปรับลดลง เราจึงเน้นให้คนไทยเข้าถึงประกันสุขภาพได้อย่างทั่วถึงเพื่อช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ให้ผู้เอาประกันภัยอุ่นใจยิ่งขึ้น

อีกทั้งอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น เอไอเอก็พร้อมนำเสนอโอกาสด้านอาชีพตัวแทน AIA Financial Advisor หรือ AIA Life Advisor ที่จะช่วยสร้างอนาคตที่มั่นคง และสร้างคุณค่าต่อตัวเองและผู้อื่น นอกจากนี้เอไอเอยังสามารถคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในทุกมิติ ด้วยการพัฒนาระบบการทำงานและการบริการโดยใช้กลยุทธ์ ABCDE มาเป็นหลักปฏิบัติ

สำหรับแผนปี 2565 จากพันธกิจต้องการเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ ให้เป็นอันดับ 1 ตลอดกาล เพื่อสนับสนุนคนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น จะยึดกลยุทธ์ ABCDE เป็นสำคัญซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1.A – Agency Transformation การพัฒนาช่องทางตัวแทนประกันชีวิตให้ทันสมัย ผลักดันสู่การเป็น Digital Agent ในอนาคต ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนาการบริการแก่ลูกค้า เช่น นวัตกรรม AIA iSign ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถทำประกันชีวิตได้แบบไม่ต้องพบหน้ากัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทางและลดการสัมผัส อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพแม้ในยามวิกฤต

2.B – Business Partner Acceleration การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของช่องทางพันธมิตร เอไอเอมุ่งมั่นมองหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจร จากที่มีช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์และเทเลเเซลล์จะขยายพันธมิตรช่องทางดิจิทัล บริษัทโทรคมนาคมและบริษัทที่มีดาต้าลูกค้าจำนวนมากต่อไปในอนาคต

3.C – Customer Centricity การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สำหรับการพัฒนาในทุก ๆ ก้าว เพื่อให้ตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด

4.D – Digitalisation Journey การวางเส้นทางไปสู่ยุคดิจิทัล กับการเป็น Digital Insurer โดยมุ่งเฟ้นหาและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อรองรับการหมุนไปอย่างรวดเร็วของโลกดิจิทัล

5.E – ESG (Environmental, Social and Governance) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยผ่านกลยุทธ์ ESG ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล ประกาศเข้าร่วม Net Zero ไม่ลงทุนธุรกิจหรือหุ้นที่สร้างแก๊สเรือนกระจก เช่น ธุรกิจถ่ายหิน เป็นต้น รวมถึงพันธกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอกับ AIA One Billion ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้คนทั่วเอเชียกว่า 1,000 ล้านคน มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2030

“ผมมองเป้าหมายการโตของเบี้ยแม้จะท้าทายแต่คาดว่าจะโตเป็นสองหลักได้ เพราะจากสถานการณ์โควิดวันนี้ที่รัฐบาลจะปรับเป็นโรคประจำถิ่นจะทำให้บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องตั้งสำรองความเสี่ยงมากเกินไป ซึ่งเป็นผลบวก ขณะที่โรคระบาดโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้คนไทยตื่นตัวมาใส่ใจประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่ายอดขายจะโตต่อไปได้” นายกฤษณ์ กล่าว

นอกจากนี้ในอนาคต เอไอเอจะมุ่งสู่การเป็น Digital Insurer ตอนนี้ได้เริ่มและวางรากฐานเพื่อปรับตัวให้ทันยุคสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราใช้ TDA Strategy (Technology, Digital and Analytics) ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก (Insight) และความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า รวมถึงการปรับใช้ภายในองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงาน และตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นระบบการทำงานภายในและบริการดิจิทัลต่าง ๆ เช่น

– AIA iSign นวัตกรรมแรกที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนประกันชีวิตในการบริการลูกค้า ตอบโจทย์การซื้อประกันทุกรูปแบบได้โดยไม่ต้องพบหน้ากัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีตัวแทนประกันชีวิตใช้งาน AIA iSign แล้วกว่า 54.4% ของตัวแทนประกันชีวิตทั้งหมด

– ALive Powered by AIA แอปพลิเคชันผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับทุกคนในครอบครัว ที่มอบความรู้และบริการด้านสุขภาพอย่างครบครัน ช่วยดูแลคนไทยทุกคน ไม่เฉพาะสำหรับลูกค้าเอไอเอเท่านั้น โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้แล้วกว่า 436,000 ราย

– AIA iService แอปพลิเคชันที่ครอบคลุมทุกเรื่องกรมธรรม์ ที่ลูกค้าสามารถจัดการด้วยตัวเองได้แค่ปลายนิ้ว รวมถึงบริการ iClaim ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้เอาประกันภัยสามารถเรียกร้องสินไหมและตรวจสอบสถานะผ่านทางออนไลน์ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันนี้ภายในปีนี้ โดยเราจะสร้างประสบการณ์ในโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อกับแอปพลิเคชันใหม่จากเอไอเอที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ