จับตารายงานเฟด-สงครามรัสเซียหนุนเงินบาทผันผวน

รัสเซีย ค่าเงินบาท

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทเคลื่อนไหว 33.15-33.75 บาทต่อดอลลาร์ จับตา “รายงานการประชุมเฟด ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย-ลดงบดุล-เจรจาสันติภาพรัสเซียและยูเครน” หนุนเงินบาทผันผวน

วันที่ 3 เมษายน 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 4-8 เมษายน 65) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.25-33.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงรายงานการประชุมของเฟด โดยตลาดรอดูว่าจะมีการพูดถึงการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ยังไง และรายละเอียดของการลดงบดุลหรือไม่

ทั้งนี้ หากในรายงานมีเรื่องลดงบดุลจะลดแรงกว่าคาด ซึ่งอาจจะดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้นได้ ทำให้อาจเห็นแรงเทขายบอนด์ รวมถึงฝั่งไทยก็อาจจะโดนด้วย และอาจจะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ จะเป็นตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคบริการของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนการสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยแรงของสหรัฐฯ ได้หากตัวเลขออกมาค่อนข้างดี รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยที่คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงในระดับ 6%

อย่างไรก็ดี จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่ธปท.ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ ตลอดจนยังคงต้องติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อบรรยายตลาด

“ค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวนและสวิงเยอะ และมีความเสี่ยงอ่อนค่าได้จากประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจเห็นบาทแข็งค่าได้ หรือสถานการณ์ยังไม่ดีบาทไปในทางอ่อนค่า ซึ่งแนวต้านอยู่ที่ 33.50-33.70 บาทต่อดอลลาร์”

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นซื้อสุทธิ 1.24 หมื่นล้านบาท ส่วนตลาดบอนด์ซื้อสุทธิ 9.9 พันล้านบาท

ขณะที่ฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า ประเมินว่าตลาดหุ้นก็จะยังมีเงินไหลเข้าได้บ้าง แต่อาจจะเริ่มมีขายแล้ว เพราะว่า SET index จะแตะแนวต้าน แต่โดยรวม หุ้นน่าจะซื้อสุทธิมากกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนบอนด์ มีฝรั่งมาซื้อตัวสั้นเยอะก็จริง แต่ก็เริ่มน้อยลง โดยสัปดาห์หน้าคิดว่าคงมีมาซื้อบ้าง

โดยสัญญาณนักลงทุนอาจจะมาทำพวกส่วนต่าง Arbitrage ซื้อบอนด์สั้นแบบต้นปีได้อยู่ แต่อาจไม่เยอะมาก เพราะส่วนต่างไม่เยอะ ส่วนบอนด์ยาว น่าจะมีมาขายบ้าง เพราะยีลด์ระยะยาวลงมาระดับนึง ดังนั้น ภาพรวมรวมคิดว่าอาจจะซื้อสุทธิ แต่ไม่เยอะมากอยู่ที่กว่า 5 พันล้านบาท

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 33.15-33.70 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบล่าสุด และสถานการณ์ความคืบหน้าเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนต่างพันธบัตร (บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ) และทิศทางโควิด-19 ในจีนเป็นหลัก

โดยกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย มองว่ายังคงไหลเข้าหุ้นไทย แต่แนวโน้มอาจซึมลงก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลอีสเตอร์ อีกทั้งขึ้นอยู่กับราคาพลังงานในตลาดโลก ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตและดุลการค้าของไทย ขณะที่เฟดมีแนวโน้มเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2-3 ของปีนี้