ไทม์ไลน์คลังรีดรายได้เพิ่ม เดินหน้าเก็บภาษี “ที่ดิน-หุ้น”

ภาษี

คลังเข้าคิวรีดภาษีเพิ่ม อุดรายได้รัฐบาล เดินหน้าเก็บ “ภาษีที่ดิน” 100% ทั่วประเทศ กทม.ขยายให้จ่ายช้าได้ 2 เดือน “ภาษีขายหุ้น” เก็บแน่ แค่รอสงครามรัสเซีย-ยูเครนคลี่คลาย น้ำอัดลม-เครื่องดื่มชูกำลังตบเท้าขอขยายจ่ายภาษีความหวานอีก 2 ปี ส่วนภาษีนิติบุคคลจากแพลตฟอร์มต่างประเทศจัดเก็บปี 2567

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐบาลมีแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ลดลง ส่วนหนึ่งเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต้องหาทางเพิ่มรายได้ในระยะต่อไป กระทรวงการคลังมีแผนการจัดเก็บภาษีใหม่ ๆ หลายรายการ เช่น การจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นที่เคยยกเว้นมาร่วม 30 ปี

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า การเก็บภาษีจากการขายหุ้น กระทรวงการคลังมีแนวทางจะจัดเก็บในอัตรา 0.1% ซึ่งเดิมจะเริ่มจัดเก็บในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2565 (ก.ค.-ก.ย. 2565) ระหว่างนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง สั่งการให้พิจารณาสถานการณ์ ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนต่อการลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจดำเนินการ ถ้าการเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีนี้ส่อเค้าว่าจะต่ำเป้า ก็พร้อมจะเริ่มเก็บภาษีขายหุ้นดังกล่าวทันทีป

น้ำอัดลมเลื่อนขึ้นภาษีความหวาน

ขณะที่แผนของกรมสรรพสามิตในการชะลอขึ้นภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบโควิดจะจบลงในช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2565 นี้ จะต้องขยับขึ้นภาษีความหวานแบบขั้นบันไดในเฟส 3 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2565 จะคำนวณตามอัตราภาษีก้าวกระโดด

ได้แก่ ปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม ปรับอัตราภาษีขึ้นเป็น 0.30 บาท/ลิตร จากเดิม 0.10 บาท/ลิตร, น้ำตาล 8-10 กรัม ปรับขึ้นเป็น 1 บาท/ลิตร จากเดิม 0.30 บาท/ลิตร, น้ำตาล 10-14 กรัม ปรับขึ้นเป็น 3 บาท/ลิตร จากเดิม 1 บาท/ลิตร, และน้ำตาล 14-18 กรัม ปรับขึ้นเป็น 5 บาท/ลิตร จากเดิม 3 บาท/ลิตร

ล่าสุดผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เตรียมขอให้ขยายระยะเวลาการเก็บภาษีในเฟส 3 ออกไปอีก 2 ปี เนื่องจากอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัว กำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ยอดขายน้ำอัดลมลดลงกว่า 20%

ขณะที่เครื่องดื่มบำรุงกำลังลดลงกว่า 30-40% ซึ่งการขึ้นภาษีจะมีผลทำให้ราคาเครื่องดื่มเพิ่มสูงขึ้นด้วย ทำให้กรมสรรพสามิตต้องพิจารณาน้ำหนักระหว่างรายได้เพิ่มกับเหตุผลของผู้ประกอบการ

ภาษีความเค็มรอหารือสาธารณสุข

ส่วนความคืบหน้าในการศึกษาภาษีความเค็มนั้น กรมสรรพสามิตยังอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการกำหนดปริมาณการบริโภคโซเดียม ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้มีการกำหนดปริมาณเหมาะสมในการบริโภคโซเดียม ไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ขณะที่คนไทยบริโภคโซเดียมค่อนข้างมาก และยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้

ลดภาษีน้ำมันสูญรายได้ 6 พันล้าน

แหล่งข่าวจากระทรวงการคลังกล่าวด้วยว่า ภาษีน้ำมันดีเซลที่ได้มีการปรับลดอัตราภาษีลงมา 3 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ก่อนหน้านี้จะสิ้นสุดในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ซึ่งหากไม่มีการขยายเวลาลดภาษีก็จะต้องกลับมาเก็บภาษีที่อัตรา 5.99 บาทต่อลิตรตามเดิม แต่ขณะนี้มีการหารือกันว่าน่าจะต้องมีการขยายเวลาการลดภาษีออกไปก่อนเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน เนื่องจากขณะนี้ไม่ได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรแล้ว

“ภาษีน้ำมันขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล แต่กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตก็ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยประเด็นที่ต้องคำนึงก็ยังเป็นเรื่องของรายได้และบริบทผู้ใช้ เพราะการลดภาษีลง 1 บาท สูญรายได้ 1,800-1,900 ล้านต่อเดือน และการลดลง 3 บาท สูญรายได้ 5,000-6,000 บาทต่อเดือน” แหล่งข่าวกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 มิ.ย.นี้ จากนั้นจะกลับมาเก็บในอัตราเดิมที่ 4.72 บาทต่อลิตร ขณะนี้กรมสรรพสามิตพิจารณาว่าต้องขยายเวลาออกไปอีกหรือไม่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่ได้กลับมามากเท่าช่วงก่อนโควิด-19

ภาษีที่ดินหนุนรายได้ 4 หมื่นล้าน

ขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีนี้ได้เดินหน้าจัดเก็บในอัตราเดิม 100% แล้วไม่ได้ลด 90% เหมือนช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ประชาชนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนตามที่ระบุไว้ในกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจัดเก็บภายในเดือน เม.ย. 2565 ทั่วประเทศ มีเฉพาะในส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ขยายเวลาจัดเก็บออกไปอีก 2 เดือน ทั้งนี้ คาดว่าจะมีรายได้เข้ารัฐกว่า 4 หมื่นล้านบาท

อีเซอร์วิสหนุนเก็บรายได้เกินเป้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวว่า ที่ผ่านมากรมสรรพากรได้สร้างฐานรายได้ใหม่ให้กับประเทศ โดยการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับบริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการในประเทศไทย (ภาษีอีเซอร์วิส) ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 เก็บภาษีดังกล่าวได้กว่า 4,200 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 5,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งภาษีดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญทำให้กรมสามารถจัดเก็บรายได้ครึ่งปีแรกเกินเป้าหมายไปกว่า 1 แสนล้านบาท

เก็บภาษีแพลตฟอร์มข้ามชาติ

ตามแผนกรมสรรพากรจะเดินหน้าขยายฐานภาษีจากฐานข้อมูลรายได้ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่จะสามารถนำไปใช้คำนวณเป็นฐานภาษีเงินได้ อันจะเป็นฐานรายได้ใหม่ให้ประเทศไทยในอนาคต ขณะนี้กำลังร่วมมือกับองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ที่มีสมาชิก 139 ประเทศทั่วโลก เจรจามาตรการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 2566 และเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567

โดยอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด 2 เสาหลัก ได้แก่ เสาที่ 1 มาตรการกำหนดให้บริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ 2 หมื่นล้านยูโร หากมีกำไรส่วนเกิน 10% ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยปันส่วนกำไรมาให้กับประเทศผู้ใช้บริการ ถึงแม้จะไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศที่ให้บริการ และเสาที่ 2 มาตรการกำหนดให้บริษัทข้ามชาติที่หลบเลี่ยงภาษีโดยถ่ายโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ จะต้องถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจนเสียอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำที่ 15%

“บริษัทข้ามชาติ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีรายได้ 20,000 ล้านยูโร หากมีกำไรเกิน 10% จะต้องปันกำไรส่วนเกินนั้นมาให้ประเทศผู้ใช้บริการด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาว่าจะปันกำไรให้ประเทศต่าง ๆ เท่าไหร่ โดยกำหนดเบื้องต้นไว้ประมาณ 25% ของส่วนเกิน” นายเอกนิติกล่าว

ฝากงานอธิบดีคนใหม่เก็บภาษีหุ้น

นายเอกนิติกล่าวอีกว่า สำหรับภาษีขายหุ้นมีการศึกษาไว้หมดแล้ว ประเทศไทยยกเว้นมานานกว่า 30 ปี จึงอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะมีรูปแบบการเก็บภาษีอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหลของนักลงทุน

“โมเดลการจัดเก็บภาษีขายหุ้นมีหลายรูปแบบ ต้องรอให้อธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่เดินหน้าพิจารณาต่อไป ที่ง่ายสุดคือการยกเลิกการยกเว้นภาษี ซึ่งกฎหมายจะคิดเฉพาะภาษีการขาย โดยเป็นการเก็บทุกสิ้นเดือนเหมือนกับภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาว่าจะจัดเก็บ capital gain หรือกำไรจากการขายทรัพย์สิน คาดว่าจะทำให้กรมจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี” อธิบดีกรมสรรพากรกล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 2564-มี.ค. 2565) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 1,091,156 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 68,890 ล้านบาท หรือ 6.7% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 6.8% โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรที่สูงกว่าประมาณการ