กสิกรไทยควัก 5 พันล้าน ผนึก “หัวเว่ย” หนุนธุรกิจ-บ้านติดตั้งโซลาร์เซลล์

ธนาคารกสิกรไทยจับมือ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) ต่อยอดโครงการ “GO GREEN Together” หนุนผู้ประกอบการ-รายย่อยติดตั้งโซลาร์เซลล์ ช่วยประหยัดค่าไฟ 3.65 หมื่นบาทต่อปี พร้อมเตรียมวงเงินสนับสนุน 5 พันล้านบาท

วันที่ 18 พฤษภาคม 2565 นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกสิกรไทยเปิดโครงการ GO GREEN Together ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก

ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและหลังคาโซลาร์เซลล์ ทำให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยปัจจุบันธนาคารปล่อยสินเชื่อไปแล้วคิดเป็นวงเงิน 900 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจ ขณะที่รายย่อยยังม่มากนัก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์

ทั้งนี้ ธนาคารประเมินตลาดหลังคาโซลาร์เซลล์มีทิศทางเติบโตเพิ่มขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ว่าตลาดหลังคาโซลาร์เซลล์ภาคธุรกิจในปี 2565 มีการติดตั้งเพิ่มขึ้น 125.9 เมกะวัตต์ เติบโต 54.2% จากปีก่อน รวมถึงในภาคครัวเรือนก็เติบโตขึ้นจากโครงการบ้านใหม่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และผู้บริโภคก็ให้ความสนใจมากขึ้น จากกระแสรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแนวโน้มของค่าไฟที่สูงขึ้น

ดังนั้น เพื่อขยายโครงการดังกล่าวรองรับการเติบโตในอนาคต ธนาคารจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญมาเชื่อมโยงกับธุรกิจของธนาคารที่มีเงินทุนให้ กสิกรไทยจึงต้องมองหาพันธมิตรที่ความเป็นโกลบอล

มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีและเอ็นจิเนียร์ในการต่อยอดโครงการต่อไปทั้งในปัจจุบันและเพิ่มเติมในอนาคต เนื่องจากกระแส Green ecosystem เป็นกระแสทั่วโลกซึ่งประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องดำเนินไปตามกระแสดังกล่าว

โดยล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับ “หัวเว่ย” ผู้นำในตลาดดิจิทัลพาวเวอร์ และมีเครือข่ายผู้ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เป็นการร่วมมือกันสนับสนุน Green ecosystem โดยความร่วมมือดังกล่าว จะส่งมอบทั้งด้านการเงินและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมให้แก่ผู้ใช้งานครบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือ ผู้รับเหมาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ เจ้าของบ้าน และเจ้าของธุรกิจ

ซึ่งเบื้องต้นธนาคารได้เตรียมวงเงินปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดผู้ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์จำนวนทั้งสิ้น 3 หมื่นหลังคา เฉลี่ยติดตั้งอยู่ที่ 5 kW ต่อหลัง ซึ่งจะลดค่าไฟได้ประมาณ 36,500 บาทต่อปี

สำหรับแคมเปญความร่วมมือในการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวเพื่อสร้าง Green ecosystem จะประกอบด้วย

1.ผู้รับเหมาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ : สนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้หมุนเวียนและเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ เพื่อให้ผู้รับเหมาสามารถรับงานได้อย่างคล่องตัวไม่สะดุด รวมถึงธนาคารจะให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อให้กับผู้รับเหมาที่ดำเนินธุรกิจติดตั้งโซลาร์เซลล์บนอาคาร และจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวในราคาประหยัดให้แก่เจ้าของอาคาร

2.เจ้าของบ้าน : สนับสนุนสินเชื่อบ้านเพื่อติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ โปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี

3.เจ้าของธุรกิจ : สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจเพื่อติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ โปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 8 ปี

“หลังจากเปิดโครงการ GO GREEN Together ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดปล่อยกู้ไปแล้วกว่าพันล้านบาท ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้รับความสนใจอย่างมาก จึงได้เริ่มหาพาร์ตเนอร์ที่จะสามารถ up skill ต่อไป

ซึ่งหัวเว่ยมีทั้งเทคโนโลยีระดับโกลบอล และบุคลากรด้านเอ็นจิเนียร์ที่จะนำเสนอบริการได้อย่างครอบคลุมไปพร้อมกับธนาคารที่มีโครงการสินเชื่อให้ โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาท และพร้อมเติมเมื่อครบ โดยมองว่าในอนาคตที่เราจะมีพาร์ตเนอร์ มีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่กำลังพัฒนาออกมาอีก สินเชื่อส่วนนี้อาจจะเพิ่มเป็นแสนล้านในอีก 10 ปีข้างหน้าก็เป็นได้”

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย ในการส่งเสริมสร้างสังคมสีเขียวในประเทศไทย ด้วยจุดแข็งของหัวเว่ยในด้านการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม

โดยเฉพาะพลังงานดิจิทัล บวกกับความเป็นผู้นำด้านการเงินของธนาคารกสิกรไทย จะช่วยส่งมอบโซลูชั่นทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว โดยจะกระตุ้นตลาดโซลาร์เซลล์ในประเทศไทย รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคที่สนใจการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในภาคครัวเรือน ด้วยข้อเสนอหรือการผ่อนชำระพิเศษของธนาคารกสิกรไทย

นอกจากนั้น หัวเว่ยยินดีที่จะร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในโครงการอื่น ๆ สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เพื่อสร้างกรณีตัวอย่างให้มากขึ้นในตลาด โดยหัวเว่ยจะผลักดันให้ผู้ติดตั้งระบบทั่วประเทศร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยและศูนย์การค้าต่าง ๆ ในการจัดงานโรดโชว์เพื่อช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจเรื่องโซลูชั่นโซลาร์เซลล์สำหรับใช้ในภาคครัวเรือนของหัวเว่ย และโครงการ “GO GREEN Together” ของธนาคารกสิกรไทยมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งยังร่วมกับพาร์ตเนอร์รายต่าง ๆ เพื่อส่งมอบการฝึกอบรมทางเทคโนโลยีทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ในทุกสัปดาห์ ช่วยให้วิศวกรไฟฟ้าสามารถเรียนรู้ทักษะด้านการดีไซน์ การติดตั้ง และการบำรุงรักษาจนเกิดความเชี่ยวชาญ ช่วยให้ได้รับโอกาสหน้าที่การงานใหม่ ๆ นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังจะช่วยหัวเว่ยในการฝึกอบรมพาร์ตเนอร์ให้มีความเข้าใจในเรื่องการเงิน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถหาแหล่งเงินทุนได้

ปัจจุบันมีจำนวนครัวเรือนในประเทศไทยที่หันมาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเทรนด์ตลาดบ่งชี้ว่าน่าจะมีการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์มากถึง 80,000 ครัวเรือนภายในปี 2565 เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ ทั้งนี้อัตราเฉลี่ยของระยะเวลาการคืนทุน (Payback Period) ในการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 5 ปี

โดยเจ้าของบ้านที่ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ยังสามารถเลือกข้อเสนอพิเศษจากธนาคารกสิกรไทยที่ผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในบ้านลงไปได้เป็นอย่างมากแล้ว ผู้ติดตั้งยังจะได้รับโซลูชั่นอินเวอร์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ มีความเสถียรจากหัวเว่ย และสามารถดูข้อมูลกระแสไฟฟ้าผ่านมือถือได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งยังมีส่วนช่วยสนับสนุนเรื่องการพัฒนาคาร์บอนต่ำในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อลดอัตราการปล่อยคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการแบบ E2E ลงกว่า 80% เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นที่มีประสิทธิภาพเท่ากัน และยังมีเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 2.7 เท่า

โดยหัวเว่ยได้ผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพัฒนาบริการเชิงนวัตกรรมด้านดิจิทัลพาวเวอร์ ทำให้สามารถใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงไปได้ถึง 230 ล้านตัน