SCM ลุยธุรกิจลีสซิ่ง ส.ค.นี้ ปักธง 3 ปีโกยพอร์ตพันล้าน

บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ - SCM

บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ “SCM” ประกาศลุยธุรกิจสินเชื่อ ภายใต้ “จัดให้ ลิสซิ่ง” ส.ค.นี้ พร้อมวางเป้าพอร์ตปล่อยสินเชื่อภายใน 3 ปีข้างหน้า แตะ 1 พันล้านบาท คาดปีแรกจ่อปล่อย 50-100 ล้านบาท ระบุครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น อานิสงส์ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มั่นใจทั้งปีปั้นรายได้โต 20%

วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ (“SCM”) ผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รูปแบบลักษณะเครือข่ายขายตรง (Multi-level Marketing หรือ “MLM”) เปิดเผยถึงความคืบหน้า “ธุรกิจลีสซิ่ง” ภายใต้ชื่อ “บริษัท จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด” ซึ่งดำเนินธุรกิจการให้บริการสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ จำนำทะเบียนรถ และจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ว่า “จัดให้ ลิสซิ่ง” จะสามารถเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2565 นี้

นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร
นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร

โดยบริษัทได้วางกลยุทธ์เพื่อดำเนินงานทางธุรกิจ ในการให้บริการสินเชื่อในช่วงแรก โดยจะมุ่งเน้นกลุ่มเครือข่ายสมาชิกของบริษัทเป็นหลัก และหลังจากนั้นบริษัทมีแผนเตรียมขยายการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าทั่วไป

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าการขยายพอร์ตปล่อยสินเชื่อ ภายในระยะเวลา 3 ปี (2565-2567) ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยคาดว่าภายในปีนี้ บริษัทจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มสมาชิกและกลุ่มลูกค้าทั่วไปได้ประมาณ 50-100 ล้านบาท สำหรับการลงทุนใน “ธุรกิจลีสซิ่ง” ครั้งนี้ ถือเป็นการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ของ SCM

โดยบริษัทมองว่าธุรกิจดังกล่าวจะสามารถรองรับความต้องการเงินทุนของกลุ่มสมาชิก MLM ที่มีอยู่กว่าในปัจจุบัน 160,000 ราย เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ รวมไปถึงการใช้เงินเพื่อการอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกัน “ธุรกิจลีสซิ่ง” เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเติบโตดังกล่าวส่งผลให้บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจลีสซิ่ง เข้ามาเฉลี่ย 10% ต่อปีของรายได้รวมในปี 2566 และปรับเพิ่มสูงขึ้นในปีถัดไป

Advertisment

สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมองว่า ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอานิสงส์เชิงบวกเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ เริ่มทำการตลาดแบบออฟไลน์ (Offline) มากขึ้น เพื่อกระตุ้น สอนเทคนิค และวิธีการต่าง ๆ ให้กับกลุ่มเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับแผนการขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์

อาทิ 1.การขยายเพิ่มฐานสมาชิก, 2.การเจาะขยายตลาดเกษตรกรและตลาด Silver Age, 3.การขยายดีลเลอร์ต่างประเทศ และ 4.การพัฒนายกระดับความแข็งแกร่งของทีมขยายเครือข่าย อีกทั้งบริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product) และผลิตภัณฑ์ทดแทน (Product Replacement) อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารกำจัดวัชพืชและเพิ่มฮอร์โมนพืช ภายใต้แบรนด์ “Growing More”, ครีมบำรุงผิวหน้า Brightening ภายใต้แบรนด์ “S Mone”, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการนอนหลับ ภายใต้แบรนด์ “Nutrinal” เป็นต้น

ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์เรือธง (Flagship) ในปีนี้ และจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือรายได้รวมเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบจากปี 2564

“ด้วยฐานสมาชิก (Member) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ไตรมาสที่ผ่านมา จะช่วยสนับสนุนการรับรู้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของบริษัทในวงกว้างขึ้น โดยบริษัทเชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีก 50,000 ราย จากปัจจุบันที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 120,000 ราย ซึ่งจะส่งผลให้สิ้นปี 2565 จะมีจำนวนสมาชิกรวม 170,000 ราย

Advertisment

สำหรับกลยุทธ์หลักในการขยายฐานสมาชิก คือการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขณะเดียวกันก็มุ่งพัฒนาบุคลากรให้เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น รวมถึงการมองหา Brand Ambassador (แบรนด์แอมบาสซาเดอร์) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และการขยายตลาดส่งออก ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศฟิลิปปินส์ จากปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้วใน 6 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย และสิงคโปร์”