6 ขาตะลอนทัวร์ เดินรอบโลก หนุ่มอเมริกันกับสุนัขคู่ใจ สร้างสถิติและเรื่องราวให้ผู้คนประทับใจ ชายหนุ่มเผยเบื้องหลังมาจากการสูญเสียเพื่อนรักในอุบัติเหตุ จนรู้สึกว่า ชีวิตนี้สั้นนักควรต้องทำอะไรที่ฝันไว้
วันที่ 7 กรกรฎาคม 2565 รายการ Good Morning America หรือ GMA เผยแพร่เทปสัมภาษณ์หนุ่มอเมริกันและสุนัขคู่ใจ ที่พากันออกเดินไปทั่วโลก ด้วยระยะทาง 29,826 ไมล์ หรือ 47,721 กิโลเมตร ด้วยเรื่องราวประทับใจและสุดพิเศษของทั้งคู่
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ทอม เทอร์ชิก จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ขึ้นแท่นเป็นคนที่ 10 ที่เดินทางรอบโลก และพิเศษตรงที่มีสุนัขชื่อ ซาวันนาห์ ร่วมทางด้วย
เทอร์ชิกและซาวันนาห์ เพื่อนซี้สี่ขาเพศเมีย ได้รับการต้อนรับกลับบ้านอย่างยิ่งใหญ่ มีครอบครัวและเพื่อนฝูงของทูร์คิค รวมทั้ง คนที่ร่วมยินดีมากันคับคั่ง จากนั้นชายหนุ่มและสุนัขได้รับเชิญไปออกสื่ออย่างต่อเนื่อง
เทอร์ซิกยังเปิดใจกับ ซีเอ็นเอ็น ว่า หลังจากเดินทาง 7 ปี ระยะทางเกือบ 48,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางไกลที่สุดเท่าที่เคยเดินทาง เขาเองเคยจินตนาการถึงวันสุดท้ายของการเดินทางไกล และเมื่อเกิดขึ้นได้จริง ๆ มีคนมากมายยืนเรียงรายริมถนนและเดินเข้ามาหา ทำให้โล่งใจมาก สิ่งนี้ครอบงำชีวิตมา 15 ปี และในที่สุดก็สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับแรงบันดาลใจให้เดินทางรอบโลก ชายหนุ่มเผยว่า จากความสูญเสีย แอนน์ มารี เพื่อนที่รู้จักกันมานานจากไปด้วยอุบัติเหตุเจ็ตสกีเมื่อปี ค.ศ.2006 ขณะอายุได้ 17 ปี
“เธอเป็นคนดีกว่าผมมากและทำให้คิดว่าสักวันหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับตัวผมเองก็ได้”
เหมือนฟอร์เรสต์ กัมป์
มีคนเปรียบเทียบว่า การเดินท่องโลกของเทอร์ชิก คล้ายกับฟอร์เรสต์ กัมป์ (Forrest Gump ปี 1994) ตัวละครที่ทอม แฮงส์ สวมบทบาท ซึ่งเทอร์ซิกเผยว่า มาจากการอ่านเรื่องราวของสตีเฟน นิวแมน ผู้อยู่ในบันทึกของ กินเนสส์ เวิลด์ เร็กคอร์ด ในฐานะบุคลคนแรกที่เดินรอบโลก และ คาร์ล บุชบีย์ นักผจญภัยเดินรอบโลกมาตั้งแต่ปี 1998 (พ.ศ.2541)
เทอร์ชิกเริ่มเกิดความคิดว่าตัวเองจะลองทำบ้าง จึงตัดสินใจว่าจะออกเดินทางแสวงหาการผจญภัยในชีวิตและเริ่มมองโลกที่ต่างออกไปจากเดิม
“การเดินเหมือนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจโลกและผลักดันให้ไปสู่สถานที่ใหม่ ๆ ไม่ใช่เพียงอยากไปปารีสหรือมาชู ปิกชู แต่ต้องการเข้าใจโลกและเห็นว่าผู้คนใช้ชีวิตอย่างไรในแต่ละวัน”
เมื่อตั้งใจแล้วก็เริ่มวางแผนการเดินทางและหาเงินทุนสำหรับการเดินทาง
ชายหนุ่มทำงานในช่วงฤดูร้อนระหว่างเรียนหนังสือซึ่งเก็บเงินได้มากพอที่จะใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนได้ 2 ปีและย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ หลังจบการศึกษา
ก่อนออกเดินทางไม่นานนัก บริษัทท้องถิ่น ฟิลาเดลเฟีย ไซน์ ทราบข่าวว่าเทอร์ชิกจะเดินทางรอบโลกจึงออกเงินสนับสนุนให้เพราะนักธุรกิจคนนี้รู้จักแอนน์ มารีและครอบครัวของหญิงสาว จึงอยากจะสนับสนุนสิ่งที่ช่วยเหลือได้
หลังจากครุ่นคิดถึงการเดินทางมานาน 9 ปี เทอร์ชิกก็เริ่มออกเดินทางรอบโลกครั้งแรกในวันที่ 2 เม.ย.2015 (พ.ศ.2558) ก่อนวันเกิดครบรอบ 26 ปี เข็นรถเข็นเด็กที่ใส่อุปกรณ์เดินป่า ถุงนอน แล็ปท็อป กล้องดีเอสแอลอาร์และกล่องพลาสติกบรรจุอาหารโดยตั้งเป้าว่าจะไปทุกทวีปโดยมีปัญหาเรื่องระบบราชการให้น้อยที่สุด
เดิมทีคิดว่าน่าจะใช้เวลาเดินจริง ๆ สัก 5 ปีครึ่ง แต่ไปจบที่ 7 ปี เพราะล่าช้าเนื่องจากปัจจัย 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งคือ ป่วยด้วยโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ตัองใช้เวลารักษา 7 เดือน และเรื่องที่สอง คือ การระบาดของโควิด
ตลอดการเดินทาง เทอร์ซิกได้รับเชิญไปร่วมพิธีแต่งงานทั้งที่ตุรกีและอุซเบกิซสถานและเคยถูกจี้ที่ปานามา
ก่อนเดินรอบโลก เขาเคยเดินทางไปอังกฤษ ไอร์แลนด์และเวลส์ตามโครงการแลกเปลี่ยนสมัยเรียนมัธยมและเคยไปเที่ยวแคนาดากับโดมินิกัน อีกทั้งมีประสบการณ์เดินป่าไม่มากนัก เคยเดินป่ากับเพื่อน 10 วันและเดินป่าช่วงสุดสัปดาห์ไม่กี่ครั้ง
เดินลำพัง4เดือนก่อนมีคู่หู
เริ่มด้วยการเดินจากนิวเจอร์ซีย์ไปปานามาตามลำพังนาน 4 เดือน ก่อนได้ซาวันนาห์ สุนัขเพศเมียจากศูนย์สงเคราะห์สัตว์ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เป็นเพื่อนร่วมทาง
แม้ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงสุนัขตั้งแต่แรก แต่การมีซาวันนาห์ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ล้มตัวลงนอนในที่ตั้งแคมป์และตื่นขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะมีเพื่อนขนฟูเป็นเพื่อนเฝ้ายามตอนกลางคืน สะวันนาห์เยี่ยมยอดมาก ดีมากที่มีคนมาร่วมแบ่งปันเวลาด้วย
เมื่อไปถึงปานามา ทั้งคู่บินข้ามดาเรียน แก๊ป ป่าที่เต็มไปด้วยอันตรายระหว่างปานามากับโคลอมเบีย
หลังจากใช้ชีวิตบนถนน 1 ปี ทูร์คิคตั้งบัญชีเพื่อรับบริจาคผ่านแพลตฟอร์ม Patreon ให้ผู้ติดตามช่วยเหลือเงินค่าเดินทาง
เวลาส่วนใหญ่ใน 2 ปี หมดไปกับการเดินจากโบโกตา โคลอมเบียไปอูรูกวัยและขึ้นเรือไปแอนตาร์กติกาซึ่งระหว่างนี้ต้องกลับบ้านเพื่อไปเอาเอกสารเดินทางไปยุโรปกับซาวันนาห์
เมื่อถึงยุโรปแล้ว ทั้งคู่เดินข้ามไอร์แลนด์ไปสกอตแลนด์ แต่ต้องหยุดเดินเพราะอาการป่วยจนเกือบถอดใจ ต้องนอนโรงพยาบาลหลายสัปดาห์และกลับบ้านไปรักษาที่สหรัฐ
เคยคิดทำไมต้องมาลำบาก
ก่อนที่จะเริ่มเดินทางอีกครั้งเมื่อเดือน พ.ค. ปี ค.ศ.2018 ไปโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งต้องมีจิตใจและร่างกายที่เข้มแข็งพราะการเดินทางคนเดียวต้องเป็นเพื่อนตัวเอง
บางครั้งเคยคิดว่าทำไมมาทำอะไรที่นี่ ทั้งที่อยากจะอยู่กับครอบครัวและเพื่อนๆ แต่กลับมาเดินตากฝนอันหนาวเหน็บในเยอรมนี แต่ไม่เคยคิดเลิก ก่อนหน้าที่จะเดินจริงๆ คิดว่าคงจะเดินสัก 8 ปี แล้วจะมาเลิกหลังจากเดินได้ไม่กี่ปีได้อย่างไร
กระทั่งเดินไปตามเส้นทางแสวงบุญ Camino de Santiago ในสเปน ฝรั่งเศสและโปรตุเกส ทำให้เริ่มรู้สึกเปี่ยมล้นด้วยความทรงจำและพร้อมที่จะเดินทางอย่างเต็มที่
ทูร์คิคและซาวันนาห์ข้ามแอฟริกาเหนือ เดินผ่านโมรอคโค อัลจีเรียโดยมีตำรวจคอยอารักขาและตูนิเซีย
จากนั้น ไปอิตาลี สโลเวเนีย โครเอเชีย มอนเตเนโกร อัลบาเนีนยและกรีซ แล้วมุ่งหน้าไปตุรกีซึ่งทูร์คิคเป็นพลเรือนคนแรกที่ได้รับอนุญาตให้เดินข้ามสะพานบอสฟอรัส แล้วไปยังจอร์เจีย ซึ่งอยู่ระหว่างรัสเซียและตุรกีในเทือกเขาคอเคซัส
ต่อมาไปอาเซอร์ไบจานตั้งอยู่บริเวณพรมแดนของยุโรปตะวันออกและเอเชียตะวันตกขณะที่เกิดโรคระบาดทำให้อยู่ในอาเซอร์ไบจานเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือนโดยปริยาย
โควิดทำให้ต้องเปลี่ยนแผน
เทอร์ชิกกล่าวว่าซึ่งเดิมทีตั้งใจจะเดินทางผ่านอุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน มองโกเลีย ก่อนบินไปออสเตรเลีย แล้วเดินทางกลับสหรัฐ แต่ด้วยมาตรการจำกัดการเดินทางช่วงโควิดระบาด จึงต้องทิ้งแผนไปออสเตรเลียและมองโกเลีย
หลังจากเดินข้ามคีร์กีซสถาน ประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียกลางที่มีพรมแดนติดกับจีน เทอร์ชิกและซาวันนาห์ก็บินไปซีแอตเทิลในเดือน ส.ค. ปี ค.ศ.2021 และเริ่มเดินทางกลับบ้านที่นิวเจอร์ซีย์
จากสถานที่ทั้งหมดที่เคยไประหว่างการเดินทาง รัฐไวโอมิงซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรน้อยที่สุดในสหรัฐฯ เป็นสถานที่ที่ยากที่สุด มีแต่ความรกร้าง ทั้งคู่ต้องเดินตลอดสัปดาห์โดยไม่เห็นร้านค้าสักแห่งหรือคนสักคนเดียว ก่อนที่จะเดินเข้าไปในปั๊มน้ำมันเล็กๆ
ตูบเพื่อนรักพลังเยอะกว่า
ระหว่างเดินรอบโลก ทั้งคู่เดินข้าม 6 ทวีปและ 38 ประเทศเกินเกณฑ์ที่กินเนสส์ เวิลด์ เร็คคอร์ด กำหนดไว้ว่าการเดินรอบโลกต้องสะสมระทางอย่างน้อย 30,000 กิโลเมตรและข้าม 4 ทวีป
แต่ละวัน เทอร์ชิกและซาวันนาห์เดินเป็นระยะทางประมาณ 29-38 กิโลเมตร
ซาวันนาห์พลังเยอะกว่า หลายครั้งที่เดินผ่านทะเลทราย เทอร์ชิกหมดแรงล้มลง แต่ซาวันนาห์ไปคาบกิ่งใม้มาชวนเล่น
เมื่อกลับมาสู่แผ่นดินเกิด เทอร์ชิกอยากจะจบการเดินทางให้เสร็จเร็วๆ และกลับมาใช้ชีวิตปกติ เมื่อจบภารกิจแล้ว แทบจะรอที่จะกลับมาไม่ไหวและพร้อมที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนและครอบครัวอีกครั้งโดยไม่ต้องเก็บเต็นท์ทุกเช้า
ขณะที่ครอบครัวของแอน มารี เพื่อนผู้ล่วงลับอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ในงานเลี้ยงกลับบ้าน
หนุ่มนิวเจอร์ซีย์กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องทำให้กับแอนน์ มารี แต่เธอเป็นคนจุดประกายและแรงบันดาลใจเบื้องหลัง การเสียชีวิตของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้เขามีชีวิต
ปัจจุบัน เทอร์ชิกกลับบ้านเกิดแล้วและสนุกสนานกับการติดต่อพบปะเพื่อนฝูง อยู่กับครอบครัวและแฟนซึ่งพบกันตอนขากลับ
แม้อยากไปมองโกเลียซึ่งไม่ได้ไปเพราะโควิดระบาด แต่ทูร์คิคไม่คิดที่จะพาซาวันนาห์ไปด้วยเพราะต้องเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นระยะทางไกล อาจจะไปสักวันหนึ่งหรือไม่ก็ได้
ตอนนี้ หนุ่มนักเดินทางตั้งใจจะเขียนบันทึกความทรงจำในการเดินทาง ส่วนสะวันนาห์มีพ่อของทูร์คิคพาเดินเล่นวันละ 6.5 กิโลเมตรรอบๆ แม่น้ำทุกเช้าช่วยให้สะวันนาห์ปลดปล่อยพลัง เมื่อกลับถึงบ้านก็กระโดดขึ้นโซฟาและหลับปุ๋ย
เมื่อถามว่าอยากจะกลับไปเดินอีกไหม ทูร์คิคกล่าวว่ายังไม่คิดและไม่มีแผนที่จะไปไหนนานๆ แต่อยากจะสนุกกับการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องเดินหรือเดินทาเพราะผ่านมาหมดแล้วจึงอยากจะอยู่ในที่ที่หนึ่งและปล่อยให้เป็นไปตามจังหวะชีวิต
……..