กรมวิทย์ เตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อไวรัสอีโบลา

ห้องปฏิบัติการ ไวรัสอีโบลา

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อไวรัสอีโบลา ยกระดับการควบคุมโรค แม้ WHO ยังไม่ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยข้อมูลการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศยูกันดาว่า การระบาดในครั้งนี้ ถึงแม้จำนวนผู้ป่วยยังไม่มาก แต่เป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด โดยมีการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมการระบาดในประเทศยูกันดาอย่างเข้มข้น ซึ่งองค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC)

สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคได้ยกระดับมาตรการป้องกันที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ โดยดำเนินการตรวจคัดกรองผู้เดินทางมาจากประเทศยูกันดาทุกรายจะต้องได้รับการคัดกรองสุขภาพ และลงทะเบียน ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศก่อนเข้าประเทศไทย

นายแพทย์ศุภกิจกล่าวว่า ในส่วนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงของประเทศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข มีหน้าที่ยืนยันสาเหตุและสถานการณ์ของโรคที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุข และเตรียมความพร้อมการตรวจวิเคราะห์เชื้ออีโบลาทางห้องปฏิบัติการ ด้วยเทคนิคทางอณูชีววิทยา ที่มีความไวและความจำเพาะสูง สามารถทราบผลภายใน 8 ชั่วโมง ช่วยให้การควบคุมโรคและการรักษาผู้ป่วยได้ทันเวลา

มีห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 สำหรับการปฏิบัติงานกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต ที่ออกแบบพิเศษ ทำให้ความดันภายในห้องปฏิบัติการน้อยกว่าความดันภายนอก กรองอากาศเข้า-ออก เน้นการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อไม่ให้หลุดออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก

บุคลากรมีความพร้อมรับสถานการณ์การระบาดตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 ผ่านการฝึกอบรมความปลอดภัยทางห้องปฏิบัติการ และมีความชำนาญในการตรวจวิเคราะห์เป็นอย่างดี รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการขนส่งตัวอย่างตรวจได้ผ่านการฝึกอบรมเรื่องความปลอดภัย มีการสวมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ และสามารถทำลายเชื้อหากเกิดการปนเปื้อนระหว่างการขนส่ง

“นอกจากนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้จัดทำคู่มือการตรวจวิเคราะห์และจัดการสิ่งส่งตรวจจากผู้ป่วยสงสัยโรคติดเชื้ออีโบลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการอ้างอิงใช้เป็นคู่มือในการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ

เนื้อหามีทั้งวิธีการตรวจวิเคราะห์และรายการทดสอบของงานประจำห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล วิธีการเก็บ วิธีการนำส่งตัวอย่าง และการวิเคราะห์เชื้ออีโบลาสำหรับห้องปฏิบัติการอ้างอิง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการอ้างอิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะนำไปปฏิบัติ โดยสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ http://nih.dmsc.moph.go.th/login/filedata/ebola_prove_manual.pdf” นายแพทย์ศุภกิจกล่าว