เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 2/2561 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ว่า กระทรวงกลาโหมได้ขับเคลื่อนปฏิรูปกองทัพ ด้านไซเบอร์ต่อเนื่องตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม โดยได้จัดทำแผนแม่บทไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหมปี 60-64 และกำหนดให้ไซเบอร์ เป็นมิติของสงคราม ที่ต้องจัดเตรียมกำลังและใช้กำลัง เช่นเดียวกับมิติหนึ่งของการสงครามอื่นๆ
ปัจจุบันได้จัดตั้งศูนย์ไซเบอร์กลาโหมและ “หน่วยไซเบอร์ระดับปฏิบัติการของแต่ละเหล่าทัพ” โดยอยู่ระหว่างการเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถการปฏิบัติ ทั้งด้านนโยบายและแผน ด้านกำลังพล ด้านการปฏิบัติการ ด้านเทคโนโลยีและการวิจัยพัฒนา รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ให้พร้อมในการปฏิบัติ ขณะเดียวกัน ก็ได้ให้ความสำคัญกับการผนึกกำลังด้านไซเบอร์
พล.ท.คงชีพกล่าวต่อว่า ในระยะแรกนี้ ได้เน้นขีดความสามารถเชิงรับ เช่น ด้านการป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการเฝ้าระวัง ซึ่งแต่ละเหล่าทัพได้จัดตั้ง โรงเรียนและเปิดสอนผู้ปฏิบัติงานไซเบอร์ระดับต่างๆ ควบคู่กับการฝึกปฏิบัติการ สำหรับการผนึกกำลังด้านไซเบอร์ ได้กำหนดเป้าหมายให้มีกำลังพลสำรองไซเบอร์ พร้อมทั้งขยายความร่วมมือและผนึกกำลังกับหน่วยงาน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น การฝึกไซเบอร์ในการฝึกร่วม/ผสมทางทหาร ภายใต้รหัสคอบร้าโกลด์ที่ผ่านมา
“การปฏิรูปกองทัพด้านไซเบอร์จะเป็นส่วนสำคัญ ให้กองทัพมีความพร้อมและมีขีดความสามารถในการรับมือกับการโจมตีและการคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งสามารถพัฒนาไปสู่การทำสงครามไซเบอร์ได้ในอนาคต หากขาดการผนึกกำลังด้านไซเบอร์ร่วมกัน โดยกองทัพไม่เตรียมความพร้อม และภาคประชาชนไม่ตระหนักรู้และตื่นตัวในทิศทางเดียวกัน สงครามไซเบอร์จะกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ชาติดังที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างในหลายประเทศทั่วโลก” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
ที่มา : มติชนออนไลน์