
ศาลปกครองกลางพิพากษา สั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารหรือสะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ระบุชัด ผอ.สำนักการโยธา กทม. และนายก อบต.มหาสวัสดิ์ ออกใบอนุญาต ขัดต่อกฎหมายสิ่งแวดล้อม เหตุไม่ได้ทำรายงานการประเมินผลกระทบ EIA หลังชุมชน-ผู้ประกอบการเรือจ้างที่ให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบจากการสร้างสะพาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 ศาลปกครองกลางออก เอกสารข่าวเผยแพร่ ในคดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร หรือสะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองมหาสวัสดิ์ เลขที่ 253/2561 ลว. 31 ตุลาคม 2561 และเลขที่ 048/2561 ลว. 12 กันยายน 2561 และใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ เลขที่ 001/2562 ลว. 7 พฤศจิกายน 2561 โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันออกคำสั่งดังกล่าว
เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังตามคำให้การของอธิบดีกรมศิลปากรได้ว่า คลองมหาสวัสดิ์เป็นโบราณสถานตามกฎหมาย การก่อสร้างสะพานข้ามคลองที่พิพาทจึงถือเป็นการก่อสร้างทางหรือถนนเพื่อประโยชน์ในการจราจรสาธารณะทางบกใกล้โบราณสถาน ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในระยะทาง 1 กิโลเมตร
ซึ่งตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ประกอบข้อ 3 ของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น การที่ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร หรือสะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองมหาสวัสดิ์ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมหาสวัสดิ์ออกใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ โดยที่ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานดังกล่าว ย่อมเป็นการสั่งอนุญาตโดยขัดต่อพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
อีกทั้งเป็นการอนุญาตโดยที่บริษัทผู้ขออนุญาตยังมิได้รับอนุญาตหรือความยินยอมตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องโดยถูกต้องครบถ้วน ใบอนุญาตทั้งสามจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รายละเอียดคำวินิจฉัยโปรดอ่านจากคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่แนบมาพร้อมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และสมาคมเรือไทย เป็นโจทก์ กับผู้ฟ้องคดีที่เป็นตัวแทนชุมชน และผู้ประกอบการเรือจ้าง ร่วมกัน 42 ราย ฟ้องผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ที่ 1 และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมหาสวัสดิ์ ที่ 2 โดยมีอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้ร้องสอด เนื่องจากคลองมหาสวัสดิ์เป็นโบราณสถานตามกฎหมาย และมีบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ได้รับอนุญาตในการก่อสร้าง
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างสะพาน โดยมีค่าระดับต่ำสุดของโครงสร้างช่วงกลางสะพานไม่เพียงพอให้เรือที่บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ล่องไปมาในคลองมหาสวัสดิ์สามารถลอดผ่านได้ และแม้ว่าจะเรียกร้องให้ปรับค่าระดับต่ำสุดของโครงสรางสะพานช่วงกลางดังกล่าว แต่เมื่อการก่อสร้างสะพานแล้วเสร็จกลับไม่ได้มีการปรับค่าระดับต่ำสุดของโครงสร้างสะพานแต่อย่างใด จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล