ราชกิจจาฯเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม จัดตั้งแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญา เหตุอาชญากรรมที่ใช้วิธีการทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีรูปแบบการกระทำความผิดที่ซับซ้อน ต้องพิจารณาโดยผู้พิพากษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและทันท่วงที มีผลบังคับตั้งแต่ 19 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม จัดตั้งแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญาลงนามโดยนางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า โดยที่อาชญากรรมที่ใช้วิธีการทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีรูปแบบการกระทำความผิดที่ซับซ้อนตามพัฒนาการทางเทคโนโลยีซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และพยานหลักฐานในคดีส่วนมากอยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับการใช้มาตรการตามกฎหมายในบางกรณีเพื่อป้องกันหรือรับมืออาชญากรรมประเภทนี้และภัยคุกคามทางไซเบอร์ต้องอาศัยคำสั่งศาล
ดังนั้น เพื่อให้คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลในศาลอาญาและคำร้องขอใช้มาตรการตามกฎหมายได้รับการพิจารณาโดยผู้พิพากษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและทันท่วงที อันจะทำให้การพิจารณาพิพากษาคดีและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องจัดตั้งแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้นในศาลอาญา
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 มาตรา 7 และมาตรา10 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมออกประกาศให้จัดตั้งแผนกในศาลอาญา ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม เรื่อง การจัดตั้ง แผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญา”
ข้อ 2. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป)
ข้อ 3 ในประกาศนี้ “คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ” หมายความว่า คดีอาญาที่ฟ้องขอให้ลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และคดีดังต่อไปนี้ไม่ว่าจะมีข้อหาอื่นหรือ ความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกันรวมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม
(1) คดีอาญาที่ฟ้องขอให้ลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดฐานฉ้อโกง กรรโซก หรือรีดเอาทรัพย์โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ
(2) คดีอาญาที่ฟ้องขอให้ลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(3) คดีอาญาที่ฟ้องขอให้ลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 4 ให้จัดตั้งแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญา โดยให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) พิจารณาพิพากษาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่อยู่ในเขตอำนาจและที่โอนมาตามกฎหมาย
ว้นแต่คดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของแผนกคดียาเสพติดและแผนกคดีค้ามนุษย์
(2) พิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำ
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายว่าด้วย
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
ข้อ 5 ให้มีผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญาเป็นผู้รับผิดชอบงานในแผนกหนึ่งคน และให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาจัดให้ผู้พิพากษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจำนวนตามที่เห็นสมควรเป็นผู้พิพากษาประจำแผนกมีหน้าที่รับผิดชอบในการพิจารณาพิพากษาคดีและงานของแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญา ตลอดจนช่วยเหลือผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในการบริหารและดำเนินงานต่าง ๆ ของแผนกให้เป็นไปโดยเรียบร้อย
ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาอาจมอบหมายให้ผู้พิพากษาอื่นนอกจากวรรคหนึ่งเป็นองค์คณะในการพิจารณาพิพากษาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีก็ได้
ข้อ 6 แผนกคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในศาลอาญาจะเริ่มทำการเมื่อใด ให้เป็นไปตามประกาศของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
ข้อ 7 ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญารักษาการตามประกาศนี้