
แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 กลุ่มแรก 2.7 ล้านคน อายุ 16-20 ปี คาดเริ่มแจกเงินได้ช่วงปลายไตรมาส 2/2568 หรือเร็วที่สุดคือเดือน พ.ค. 2568 นี้ หลังระบบเสร็จแล้ว รวมถึงการเชื่อมระบบดิจิทัลวอลเลตกับธนาคาร น็อนแบงก์ รวมถึงผู้ให้บริการวอลเลต
“ประชาชาติธุรกิจ” เกาะติดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นการแจกเงินให้กลุ่มที่มีอายุ 16-59 ปี ที่ไม่ติดเงื่อนไขการครอบครองทรัพย์สิน และมีรายได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด ประมาณ 15 ล้านคน คาดว่าจะใช้เม็ดเงินราว 1.5 แสนล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท เฟส 3 ว่า มีความชัดเจนแล้วสำหรับการแจกเงินให้กับกลุ่มที่มีอายุ 16-20 ปี โดยจะเริ่มแจกเงินได้ช่วงปลายไตรมาส 2/2568 หรือเร็วที่สุดคือเดือน พ.ค. 2568 เป็นต้นไป
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า การแจกเงินดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 นั้น ส่วนแรกเม็ดเงินและข้อมูลของผู้ที่ได้รับสิทธิพร้อมแล้ว ขณะนี้กระทรวงการคลังเตรียมรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยคาดว่ารัฐบาลจะโอนเงินให้กับประชาชนได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2568

เงิน 10,000 เฟส 3 ใช้ผ่านทางรัฐ
สำหรับระบบดิจิทัลวอลเลตก็เสร็จแล้วเช่นกัน โดยเป็นการใช้จ่ายบนแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ทั้งในส่วนผู้รับสิทธิและร้านค้า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทดสอบระบบ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ เหลือส่วนที่เป็นการเชื่อมระบบดิจิทัลวอลเลตกับธนาคาร น็อนแบงก์ รวมถึงผู้ให้บริการวอลเลต ซึ่งทางฝั่งแบงก์และน็อนแบงก์ หลายแห่งก็แสดงความประสงค์ที่จะเชื่อมระบบเช่นกัน
ฉะนั้นในเรื่องของระบบก็รอให้การเชื่อมต่อเหล่านี้แล้วเสร็จ เพื่อการเชื่อมโยงในระบบเศรษฐกิจที่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย มีทางเลือกในการใช้จ่าย ทั้งการทำผ่านแอปทางรัฐ หรือแอปของธนาคาร หรือวอลเลตที่ใช้ประจำอยู่แล้วก็ได้
“ส่วนตัวผม หนึ่งในฐานะผู้กำกับดูแลโครงการ ได้เห็นตัวระบบแล้ว รู้สึกว่าใช้ได้ มีฟังก์ชั่นและกลไกครบถ้วน ถือว่าดูดี เชื่อว่าภายในไตรมาสที่ 2 นี้ ก็คงจะได้เติมเงินเข้าไปในระบบให้กับประชาชนกลุ่มแรกที่ดีรับเงินผ่านดิจิทัลวอลเลตได้ใช้กัน” นายจุลพันธ์กล่าว
“บลูบิค” ชนะระบบเพย์เมนต์
สำหรับบริษัทที่ชนะการเสนอราคา ระบบแพลตฟอร์มการชำระเงิน หรือ Payment Platform คือ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยผ่านการคัดเลือกจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้พัฒนาแพลตฟอร์มแอปทางรัฐ ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการลงทะเบียนในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเลต
สำหรับบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ได้คะแนนด้านคุณภาพมากที่สุด โดยเสนอราคาวงเงิน 90 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งหมด
ตัวแทนของบริษัท บลูบิค ยืนยันว่า การพัฒนาระบบ Payment Platform จะเร่งดำเนินการได้ตามเวลาที่รัฐบาลกำหนด
กลุ่มคนทั่วไปใครได้เงิน 10,000 บ้าง
-คนลงทะเบียนแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ยืนยันตัวตน
-ประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
-สัญชาติไทย
-อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ก่อนวันที่ 16 ก.ย. 2567)
-ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท (สำหรับปีภาษี 2566)
-ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567)
-ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
-ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
-ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
คนไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนได้ตอนไหน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงการพิจารณากลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนว่า ตอนนี้ยังอยู่ในการพิจารณาเงื่อนไขว่า จะเปิดลงทะเบียนในช่วงเวลาไหน และจะใช้เงื่อนไขอะไรวัดกลุ่มคนไม่มีสมาร์ทโฟน สำหรับกลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเปิดให้ลงทะเบียน ประชาชนสามารถเดินทางไปลงทะเบียนผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยลงทะเบียนให้ ดังนี้
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ไปรษณีย์ไทย
ตรวจสอบสิทธิผ่านแอปทางรัฐยังไง
1.เปิดแอปทางรัฐ เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นกดปุ่มตรวจสอบสถานะ
2.ระบบจะขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล และขอยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน ให้กดปุ่มยืนยันข้อมูล
3.กรอกเบอร์โทรศัพท์และกดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)
4.กรอกรหัส OTP และกดปุ่มยืนยันโทรศัพท์มือถือ
5.กดปุ่มอนุญาต ให้แอปพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
6.ระบบจะแสดงผลสถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยู่ในขั้นตอนใด หากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือไม่ได้รับสิทธิ หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท