คลัสเตอร์ทองหล่อ โควิดสายพันธุ์อังกฤษ ระบาดแรงเร็ว 1.7 เท่า

สาธารณสุข เผย คลัสเตอร์โควิดสถานบันเทิงทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 1.7 เท่า ชี้หากไม่มีมาตรการยับยั้งกิจกรรม-คุมเดินทางข้ามจังหวัด อาจจะพบผู้แพร่เชื้อโควิดเพิ่ม ได้วันละ 1,000 คน

วันนี้ 7 เมษายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การระบาดโควิดรอบนี้ เชื้อได้กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยเหมือนสะเก็ดไฟ มาตรการในขณะนี้ คือ หากพบผู้ติดเชื้อ จะต้องตรวจค้นหาเชิงรุก และติดตามผู้สัมผัส เพื่อกักตัวไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย รวมถึงปิดสถานที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดเชื้อ

ส่วนในกรุงเทพฯ พบการระบาดระลอกใหม่ใน 2 จุด คือ การตรวจพบเชื้อในสถานกักกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และอีกกลุ่มที่กำลังเพิ่มขึ้น คือ ผู้ที่ทำงานในสถานบันเทิง นักเที่ยว นักดนตรี ซึ่งมีพฤติกรรมการเดินทางไปเที่ยวในผับหลายๆ แห่ง ทั้งนี้ในช่วงสงกรานต์ก็จะเป็นอีกช่วงหนึ่งที่จะมีการเดินทาง เหากไม่มีมาตรการที่ดีพอ เชื้ออาจจะกระจายไปทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือจากประชาชน

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า จากการศึกษาปีที่แล้วซึ่งการระบาดคล้ายกับปีนี้มาก เริ่มตั้งแต่มีนาคม-เมษายน เป็นช่วงพบผู้ป่วยมากขึ้น ซึ่งเราคาดการณ์ว่าทุกคนจะมีกิจกรรมการเดินทางมากขึ้น

“ดังนั้นจากสมมติฐานช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ จะมีการพบปะผู้คนเพิ่มมากกว่าภาวะปกติ 2-8 เท่า และกรณีที่เป็นการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ การแพร่เชื้อจะเร็วขึ้นกว่าเดิม 1.7 เท่า ซึ่งเราอาจพบผู้ติดเชื้อได้ถึงวันละ 1,000 คน และหากไม่มีการควบคุม  แต่ละวันอาจพบผู้ป่วยวันละหลายพันคน หรือเป็นหลักหมื่นคนได้” นายแพทย์โอภาสกล่าว

ด้านศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงไวรัสโควิดสายพันธุ์อังกฤษ หรือที่เรียกว่า UK Variant ว่า เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลปีนี้กับปีที่แล้วพบว่าการระบาดรอบแรกเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งตรงกับสถานการณ์ขณะนี้ โดยปีที่แล้วพบการติดเชื้อไม่ถึง 3,000 ราย พบผู้ป่วยมากที่สุด 188 รายต่อวัน แต่เกิดขึ้นจากการกลับมาจากพิธีกรรมทางศาสนา ที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่รอบนี้การระบาดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ถึงปัจจุบัน เรียกว่า “การระบาดซ้อนระบาด”

ส่วนสถานการณ์ในกรุงเทพฯ ที่เกิดการแพร่ระบาดมาจากสถานบันเทิงมีการแพร่กระจายเร็วมาก ตอนแรกเข้าใจว่าเพราะสถานบันเทิงเป็นสถานที่ปิด มีการแออัด น่าจะมีการติดเชื้อจากทางเดินหายใจ จนเกิดซูเปอร์ สเปรดเดอร์ (super spreader) แต่หลังจากตรวจปริมาณไวรัสในคอผู้ป่วย เราเริ่มเห็นผิดสังเกตว่าแม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ แต่กลับมีปริมาณไวรัสที่ค่อนข้างสูงมาก

จากนั้นจึงได้นำไปตรวจเฉพาะว่าเป็นสายพันธุ์อังกฤษหรือไม่ หรือเป็นสายพันธุ์เดิมที่มาจากการระบาดจากสมุทรสาคร ซึ่งพบว่าผู้ป่วยที่ผมตรวจ 24 คนที่มาจากสถานบันเทิงทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด และเป็นสายพันธุ์เดียวกันทั้งหมดในรูป B117 ซึ่งสายพันธุ์นี้ติดต่อง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดาอยู่ประมาณ 1.7 เท่า

ซึ่งการแพร่ระบาดในยุโรปขณะนี้เกือบทั้งหมดเป็นสายพันธุ์อังกฤษ จะเห็นว่าในฝรั่งเศสตอนนี้สายพันธุ์อังกฤษระบาดหนักทำให้เขากลับมามีระลอกที่ 3 แล้วเริ่มมีการล็อกดาวน์กันใหม่ แต่ในอังกฤษเองแม้มีสายพันธุ์นี้ แต่ถือเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุดในยุโรป ทำให้เคสในอังกฤษลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน อัตราการเสียชีวิตของคนอังกฤษลดลงอย่างมโหฬาร เมื่อเปรียบเทียบกับเยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งกล้า ๆ กลัว ๆ กับวัคซีน

“ฉะนั้น สายพันธุ์อังกฤษที่เรากลัวคือ แพร่กระจายเร็ว คงไม่แปลกว่า ทำไมสถานบันเทิงมีการแพร่มากกว่าปีที่แล้ว เราคาดว่าการระบาดปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า ขณะเดียวกัน มาตรการของเรา หากเทียบกับปีที่แล้วที่เรามีล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ห้ามขายแอลกอฮอล์ ปิดโรงเรียน ปิดสถานประกอบการ เลื่อนสงกรานต์ ดังนั้นมาตรการปีที่แล้วกับปีนี้ห่างกัน 10 เท่าเช่นกัน เชื้อแพร่เร็วมากกว่าเดิม 10 เท่า มาตรการลดหย่อน 10 เท่า ดังนั้น เชื้อจึงจะแพร่กระจายเป็น 100 เท่า และเมื่อเจอเป็นสายพันธุ์อังกฤษอีกที่แพร่กระจายได้ง่าย 1.7 เท่า ก็จะเป็น 170 เท่า ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่” ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง กล่าว

“ตอนนี้สายพันธุ์อังกฤษหลุดเข้ามาได้อย่างไร ผมยังสงสัยเพราะเรามีสถานกักกันคนเดินทางเข้ามา เราพยายามบล็อกทุกช่องทาง ก็ยังหลุดเข้ามา ฉะนั้นที่สำคัญก็อยากให้ทุกคนสื่อออกไปว่าสงกรานต์ปีนี้ แม้ไม่สามารถบล็อกได้ ถ้าเป็นไปได้ใครไม่มีความจำเป็นก็ลดการเคลื่อนย้ายให้น้อยสุด แต่ถ้าจำเป็นหรือวางแผนล่วงหน้าแล้วต้องมีมาตรการทุกอย่างให้เคร่งครัดตั้งแต่เริ่มออกจากบ้านจนถึงจุดหมายปลายทาง”

ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง กล่าวต่อว่า ส่วนการฉีดวัคซีน ถ้าถามว่าคลุมสายพันธุ์นี้ได้ไหม ต้องบอกว่าความรุนแรงโรคเท่าเดิม แต่กระจายได้เร็วขึ้น ติดง่ายขึ้น ขณะที่วัคซีนก็ยังมีประสิทธิภาพเท่าเดิม หลายคนพอจะฉีดวัคซีนก็มีกล้า ๆ กลัว โดยเฉพาะอาการข้างเคียง

“ผมพูดเสมอว่า วัคซีนทุกชนิด โอกาสแพ้มีทั้งนั้น แต่โอกาสแพ้จริง ๆ น้อยมากๆ โอกาสลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดส่วนลึก อุบัติการณ์อันนี้ที่จะสัมพันธ์กับวัคซีน เมื่อเปรียบเทียบแล้วโอกาสเกิดมีเพียง 1 ใน 100,000 รายเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นในผู้หญิงอายุน้อยกว่า 55 ปี เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเฉพาะสตรีตั้งครรภ์ที่เอสโตรเจนสูง หรือเกี่ยวข้องกับคนที่กินยาคุมกำเนิดอาจเกิดมากขึ้น ผู้ชายเกิดน้อยมาก”

“ทั้งนี้ ผมเคยประมวลถ้าคนไทยฉีดวัคซีนทั้งประเทศวันละ 10,000 โดส เราจะใช้เวลา 30 ปีถึงจะได้ภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้น ฉะนั้นถ้าขยับให้เร็วขึ้นเป็น 100,000 โดสต่อวัน เราก็ใช้เวลา 3 ปี ในการเกิดภูมิคุ้มกันกลุ่มให้โรคลดลง แต่ถ้าได้ 300,000 โดสต่อวันแน่นอนเราใช้เวลาเพียง 1 ปี เพื่อยุติโรค ฉะนั้นทุกคนไม่ต้องรีรอ ถึงคิวฉีดก็เร่งฉีดให้เร็วที่สุด”